นางกัลยา ใหญ่ประสาน ประธานคณะอนุกรรมาธิการด้านความมั่นคงทางอาหาร ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เป็นประธานการพิจารณาข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และแนวทางในการควบคุม กำกับและดูแลสารเคมี รวมถึงสารที่ใช้ในการผลิต สารเคมีภายใต้แผนยุทธศาสตร์การจัดการสารเคมีแห่งชาติ และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 พร้อมทั้งเปรียบเทียบหลักเกณฑ์หรือแนวคิดในการจัดทำร่าง พ.ร.บ.บัญญัติสารเคมี พ.ศ. .... กับ พ.ร.บ.วัตฤอันตราย พ.ศ. 2535 รวมถึงปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเชิญผู้แทนสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เข้า.ร่วมประชุม
โดยที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมในการกำกับดูแลสารเคมีเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ซึ่งเป็นการกํากับดูแลสารเคมีด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมการเกษตรและสาธารณสุข โดยประเทศไทยมีแผนแม่บทการจัดการสารเคมี พ.ศ. 2562-2580 โดยกำหนด 5 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามตรวจสอบและบริหารจัดการ การพัฒนาระบบฐานข้อมูลและประเมินความเสี่ยง การสร้างความตระหนักรู้และเปลี่ยนพฤติกรรม การลดความเสี่ยงอันตรายอย่างครบวงจร และการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม
ทั้งนี้ พบว่า ข้อจำกัดของกฎหมายปัจจุบัน พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มีโครงสร้างกำกับแบบแยกส่วน ข้อมูลไม่เชื่อมโยง ไม่ครอบคลุมสารตั้งต้นและสารเคมีใหม่ การติดตามหลังการใช้มีข้อจำกัด และกฎหมายลำดับรองยังไม่ครอบคลุม ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมสารเคมี ฉบับใหม่ มีจุดเด่น คือ กำหนดคณะกรรมการ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย เทคนิค และปฏิบัติ เพื่อความเป็นเอกภาพ มีการจัดการสารเคมีครบวงจรตั้งแต่การนำเข้า การผลิตและการส่งออก จนถึงการจัดการซากภาชนะบรรจุ ซึ่งแยกการจัดการเป็น 3 ส่วน คือ การเกษตร สาธารณสุข และอุตสาหกรรม โดยเชื่อมโยงเป็นเอกภาพ มีกระบวนการลงทะเบียนและประเมินความเสี่ยงสารเคมีที่ชัดเจน รวมทั้งมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการที่ทำดี
ภายหลังการพิจารณาที่ประชุมได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายควบคุมสารเคมีว่า ควรมีมาตรการกํากับดูแลอย่างเข้มงวดตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อป้องกันการนําเข้าอาหารที่มีสารเคมีตกค้าง เกินค่ามาตรฐาน ทั้งนี้ ควรมีการบูรณาการการดําเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมการใช้สารเคมีทางการเกษตรภายในประเทศ ส่งเสริมให้มีการใช้สารเคมีอย่างเหมาะสม ควบคู่กับการจัดตั้งและพัฒนาระบบตรวจสอบที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัย ของพืช ผัก และผลไม้ของประเทศ รวมถึงการพัฒนาห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ที่ได้รับการรับรองในระดับสากล เพื่อรองรับการค้าระหว่างประเทศและการนําเข้าอาหารจากประเทศคู่ค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง