โดย
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า ได้รับทราบผลสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่ออกมาตำหนิรัฐบาล สภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กรณีผลักดันผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ 40 ชีวิต กลับจีน ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนและขัดหลักการสากลในการผลักดันส่งกลับไปสู่อันตราย พร้อมแนะนำให้ติดตาม ตรวจเยี่ยม และทบทวนการส่งกลับ 5 คน ที่เหลือ
นายกัณวีร์ ระบุว่า เข้าใจ กสม. ดี เพราะกรณีดังกล่าวผิดจริง ๆ ทั่วโลกนำหนิไทย ตั้งแต่วันแรกที่ข่าวเผยแพร่จากจีน ก่อนไทยเสียอีกว่าไทยผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คน ที่อยู่ในไทยมาเกือบ 11 ปี ไทยอ้างว่าทุกคนสมัครใจกลับเอง ทั้ง ๆ ที่พวกเขาทั้งหมด อดอาหารเมื่อเดือนมกราคม 2568 เพื่อประท้วงความเป็นไปได้ในการผลักดันกลับจีน เพราะมีกระแสหนาหูมาก จนทำให้ชาวอุยกูร์ 40 ชีวิต ประท้วงโดยการอดข้าวเกือบเดือน จนกระทั่งกลุ่มชาวอุยกูร์ที่อยู่ประเทศอื่นเข้าไปเยี่ยมและไปบอกว่าจะไม่ถูกผลักดันกลับ เพราะข่าวทางการจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แจ้งว่าจะไม่มีการผลักดันแน่นอน จนทำให้ทั้งหมดหยุดประท้วง
นายกัณวีร์ เปิดเผยด้วยว่า หนึ่งเดือนให้หลังด้วยลมปากจากรัฐบาลที่นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ส่งกลับทั้ง 40 ชีวิต และในวันเดียวกันเองก็ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่ 40 ชีวิต ถูกผลักดันกลับจีนเรียบร้อยเมื่อเช้าของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 แล้วต่อมาค่อยออกข่าวว่าทุกคนสมัครใจกลับเองทั้งหมด โดยไม่มีหลักฐานอะไรมายืนยันสักชิ้นเดียว และมีแค่การเดินทางไปจีนแล้วบอกว่าชาวอุยกูร์กลุ่มดังกล่าวอยู่ดีมีสุขแค่ไหน ทั้งที่พบปะเพียง 3 คน จาก 40 คน
นายกัณวีร์ กล่าวว่า แม้ผ่านมา 8 เดือนแล้ว และตนลืมไปบ้างแล้วว่ามีใครประณามตนที่ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ และคงไม่อยากรื้อฟื้น แต่ก็หวังว่าผู้กระทำความผิดทั้งหมด โดยเฉพาะผิดกฎหมายอาญาภายในประเทศต้องถูกดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาดและไม่มีการละเว้น โดยเฉพาะความผิดตามมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (กฎหมายอุ้มหาย) หวังว่าผู้กระทำผิดจะไม่ลอยนวล สังคมไทยต้องรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่พาไทยไปสู่จุดสุ่มเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่ใช้เป็นข้ออ้างประณามไทย และลดความร่วมมือต่าง ๆ
ทัดดาว ทองอิ่ม ข่าว / เรียบเรียง
