นายนาถะ ดวงวิชัย ผู้อำนวยการสำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับมอบหมายจากประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้แทนรับหนังสือจากนายเซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะผู้แทนเครือข่ายคนทํางาน เพื่อขอให้สภาผู้แทนราษฎรสนับสนุนร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน 3 ฉบับ ที่เสนอโดย สส.พรรคประชาชน
โดย ผู้แทนเครือข่ายคนทํางาน กล่าวว่า แม้การแก้ปัญหาความยากจน หนี้สิน และความเหลื่อมล้ำทางสังคมจะเป็นสามัญสำนึกของคนส่วนใหญ่ แต่หากละเลยต้นตอปัญหาจากการกดค่าแรง การจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม และการขาดความมั่นคง ประเทศไทยจะไม่สามารถรับมือกับความท้าทายของสังคมสูงวัย วิกฤติหนี้สิน และห่วงโซ่การผลิตสมัยใหม่ได้ การปรับแก้ไขกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ของ สส.พรรคประชาชน จะส่งผลดีโดยตรงต่อผู้ใช้แรงงานกว่า 40 ล้านคน พร้อมครอบครัวอีกหลายสิบล้านคน ทั้งในด้านความมั่นคงรายได้ สิทธิการพักผ่อน และมาตรฐานการครองชีพตามหลักการงานที่มีคุณค่าของ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) โดยสาระสำคัญของร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่เสนอโดย นายเซีย จำปาทอง และคณะ ได้มุ่งแก้ไขปัญหาความมั่นคงในการทำงาน อาทิ มีการกำหนดให้จ้างงานเป็นรายเดือนทั้งหมด เว้นแต่ลักษณะงานเฉพาะ การปรับหลักเกณฑ์ค่าจ้างขั้นต่ำให้สอดคล้องกับค่าครองชีพจริง และเพิ่มบทลงโทษนายจ้างที่ทำสัญญาอำพราง ส่วนฉบับที่ 2 ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่เสนอโดย นายจรัส คุ้มไข่น้ำ และคณะ มีการแก้ไขเรื่องระยะเวลาทำงานและวันหยุด อาทิ การลดชั่วโมงทำงานมาตรฐานเหลือไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (35 ชั่วโมงสำหรับงานอันตราย) การเพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์เป็นไม่น้อยกว่า 2 วัน โดยห่างกันไม่เกิน 5 วัน และเพิ่มวันลาพักผ่อนประจำปีเป็นไม่น้อยกว่า 10 วันทำงาน สำหรับลูกจ้างที่ทำงานครบ 120 วัน และฉบับที่ 3 ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่เสนอโดย นางวรรณวิภา ไม้สน และคณะ ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ อาทิ กำหนดให้นายจ้างปฏิบัติต่อลูกจ้างอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ การเพิ่มสิทธิลาดูแลครอบครัว ปีละไม่เกิน 15 วันทำงาน การกำหนดให้มีสถานที่ให้นมบุตร/บีบเก็บน้ำนม อย่างน้อย 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที และกำหนดให้การลาเนื่องจากมีประจำเดือน เดือนละไม่เกิน 3 วัน นับเป็นวันลาป่วย ดังนั้น ทางเครือข่ายคนทำงาน จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรและ สส.ทุกคนให้การสนับสนุนหลักการของร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานทั้ง 3 ฉบับนี้ เพื่อสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้แก่ผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศ และเป็นประชากรกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสังคม
ด้าน ผู้อำนวยการสำนักงานประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป สำหรับร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาที่แตกต่างกัน โดยร่างที่เกี่ยวข้องกับการเงินได้ส่งไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว และจะมีการส่งกลับมายังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนร่างอื่นๆ อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณา ทั้งนี้กระบวนการทั้งหมดจะดำเนินไปตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ และจะมีการแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
