8 ธ.ค.68 - รองประธาน กมธ.การแรงงาน วุฒิสภา ชี้ข้อพิพาท บ.ไดกิ้นฯ กับ สหภาพแรงงาน ยังไม่ยุติเหตุทองคำ 3 บาท มองข้อเรียกร้องลูกจ้างสอดคล้องผลกำไรและกติกาบริษัท ขอกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมหาข้อยุติ หวังได้ข้อยุติโดยเร็ว 

image

        นายชินโชติ แสงสังข์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน วุฒิสภา พร้อมคณะ แถลงถึงกรณีข้อพิพาทระหว่าง บริษัท ไดกิ้น อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด กับ สหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี ตามที่ บริษัท ไดกิ้นฯ ได้ปิดงานและงดจ้างเป็นการชั่วคราวตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 โดยกล่าวว่าการที่ตนต้องมาแถลงข่าวถึงกรณีนี้เนื่องจากขณะนี้สังคมทั่วไปได้โจมตี พร้อมมองสหภาพแรงงานเป็นผู้ร้ายที่ขอโบนัสจำนวนมากเกินสมควร และเหตุใดต้องขอทองคำด้วย ซึ่งตนถือเป็นความเข้าใจสับสนของสังคม และขอชี้แจงย้ำให้สังคมทราบว่าการปิดงานงดจ้างชั่วคราวนี้ไม่ใช่เป็นการเลิกจ้างและปิดกิจการ แต่เป็นการปิดงานตามที่มีข้อพิพาทแรงงานตาม พ.ร.บ.แรงสัมพันธ์ พ.ศ.2518 นิติสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างยังมีอยู่ตามปกติ หากการเจรจาสามารถตกลงกันได้เมื่อใด นายจ้างกับลูกจ้างต้องกลับมาทำงานตามปกติ ทั้งนี้ การปิดงานงดจ้างตามกฎหมายแรงงานกำหนดไว้ว่านายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้าง 

        นายชินโชติ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่สหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี ขอโบนัสจำนวนมากหรือน้อย ต้องมีเหตุและผลประกอบกัน ตามกฎหมายโบนัสไม่ได้ระบุว่าต้องให้เท่าใด แต่ตามหลักการปฏิบัติทั่วไป โบนัสคือส่วนแบ่งส่วนหนึ่งของลูกจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินของนายจ้างจากผลกำไรอยู่แล้ว แต่ลูกจ้างได้รับส่วนแบ่งส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน โดยกรณีข้อพิพาทระหว่าง บริษัท ไดกิ้นฯ กับ สหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี มีเหตุการณ์และข้อเท็จจริงว่าในปี 2567 บริษัท ไดกิ้นฯ มีผลกำไรเป็นเงินประมาณ 5,000 ล้านบาทเศษ และได้จ่ายโบนัสแก่ลูกจ้าง จำนวน 5 เดือน พร้อมกับเงินอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนในปี 2568 บริษัท ไดกิ้นฯ มีผลกำไรเพิ่มขึ้นเป็นเงินประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท แต่บริษัท ไดกิ้นฯ จะขอจ่ายโบนัสเพียง 5 เดือนเท่ากับปี 2567 โดยตนมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดหลักปฏิบัติของการดำเนินกิจการทั่วไป เนื่องจากสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี ได้เรียกร้องด้วยเหตุและผล ให้จ่ายโบนัส 8 เดือน พร้อมกับเงินจำนวน 24,000 บาท สอดคล้องตามผลกำไรของบริษัท ไดกิ้นฯ ซึ่งขณะนี้ตนทราบว่าข้อพิพาทเรื่องโบนัส อาจได้ข้อสรุปร่วมกันที่ 7 เดือน แต่เรื่องยังไม่สามารถตกลงกันได้คือทองคำจำนวน 3 บาท ทั้งนี้ บริษัท ไดกิ้นฯ ได้ตั้งกติกาไว้ว่าผู้ที่จะได้รับทองคำจำนวน 3 บาท คือผู้ที่มีอายุงาน 10 ปีขึ้นไป และต้องไม่ขาด สาย ลา ป่วย ไม่หยุดงาน ยกเว้นหยุดประจำสัปดาห์ หยุดตามประเพณี หยุดตามนักขัตฤกษ์ หรือลาพักผ่อนเท่านั้น โดยเหตุที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เนื่องจากราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งตนเห็นว่า บริษัท ไดกิ้นฯ ควรดำเนินการตามกติกาที่ตั้งไว้ 

        นายชินโชติ กล่าวด้วยว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ดำเนินการในการประนอมข้อพิพาทแรงงานในกรณีนี้ด้อยประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมากรณีนี้มีการประนอมข้อพิพาทแรงงานกันไปแล้วจำนวน 3 รอบ จนนำไปสู่การที่บริษัท ไดกิ้นฯ ประกาศปิดงาน ซึ่งที่ผ่านมา การจะปิดงาน ต้องมีการเจรจากันแล้วนับ 10 รอบ ไม่เคยมีการเจรจา 3 รอบแล้วประกาศปิดงาน โดยก่อนหน้านี้ตนได้ติดต่อไปยังอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อช่วยหาทางออกให้กับข้อพิพาทแรงงานในกรณีนี้โดยเร็ว แต่ไม่ได้รับการตอบรับกลับมาแต่อย่างใด นอกจากนี้ ตนทราบว่าในช่วงสายของวันนี้ (8 ธ.ค.68) บริษัท ไดกิ้นฯ กับ สหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี จะมีการเจรจากันอีกครั้ง ตนจึงขอเรียกร้องต่อสังคมว่าไม่อยากให้มองสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรี เป็นตัวปัญหาหรือผู้ร้าย เพราะการขอโบนัสและทองคำ ด้วยเหตุและผลสอดคล้องตามผลกำไรของบริษัท ไดกิ้นฯ และกติกาของบริษัท พร้อมขอให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าไปมีส่วนร่วมในการหาข้อยุติในกรณีนี้ให้ได้ และคาดหวังว่าข้อยุติจะเกิดขึ้นโดยเร็วต่อไป 

 

คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ