19 ธ.ค.68- ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย สผ. มอบเกียรติบัตรให้กับนักศึกษานิติศาสตร์ "มรภ.สวนสุนันทา-ม.สวนดุสิต" ผ่านโครงการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านกระบวนการนิติบัญญัติ รุ่นที่ 1 ย้ำบทบาทเยาวชนกับการยกร่างกฎหมายคุ้มครองเด็กจากภัยออนไลน์

image

‎        นายกุลพล  วัชรกาฬ ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรแก่นิสิตนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา และมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ที่เข้าร่วมโครงการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านกระบวนการนิติบัญญัติ (Legislative Process) รุ่นที่ 1 จัดโดยสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 84 คน ณ ห้องประชุมสัมมนา B1-1 ชั้น B1 อาคารรัฐสภา 

‎        นายกุลพล  วัชรกาฬ กล่าวสรุปการดำเนินโครงการให้กับผู้เข้ารับการอบรม ว่า รัฐสภาเป็นองค์กรที่เชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชนและองค์กรทางการเมืองในกระบวนการนิติบัญญัติ โดยบทบาทอำนาจหน้าที่ในการตรากฎหมายนั้น รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 133 (3) ประกอบกับมาตรา 258 ค. (4) ได้กำหนดให้รัฐต้องมีกลไกช่วยเหลือประชาชนในการจัดทำและเสนอร่างกฎหมาย ซึ่งโครงการนี้เกิดจากความตั้งใจของสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องการนำองค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการนิติบัญญัติและการยกร่างกฎหมายรวมทั้งกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเป็นประมุข ถ่ายทอดความรู้ให้กับเยาวชนในการเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนยังรับทราบเพียงบทบาทของตนเองกับการเลือกตั้งเป็นหลัก ดังนั้น สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่ทำให้ประชาชนได้รับรู้ถึงการเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย การใช้สิทธิเสรีภาพ ที่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยจุดประกายให้กับเยาวชนในการมีส่วนร่วมกับการทำงานของรัฐสภาต่อไป

‎        สำหรับ ร่างกฎหมายที่นักศึกษา ร่วมกันดำเนินการยกร่างในหัวข้อเด็กและเยาวชน ประกอบด้วย ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการลงโทษทางอาญาต่อเด็กและเยาวชนที่กระทำผิดร้ายแรง ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมและคุ้มครองครีเอเตอร์เด็กและเยาวชน ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเอาผิด "ซาแซงแฟน" หรือ สะกดรอยตาม (Stalking) และร่างกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองเด็กทางอินเตอร์เน็ต 

‎        ตัวแทนนักศึกษานิติศาสตร์ กล่าวในการเสนอร่างกฎหมายว่า เนื่องจากกฎหมายที่มีอยู่ยังไม่มีกฎหมายฉบับใดที่มีการบังคับใช้เป็นหลัก ทำให้ต้องมีการยกร่างกฎหมายขึ้นเพื่อบังคับใช้เป็นการเฉพาะ ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จำเป็นต้องบูรณาการการยกร่างกฎหมายเพื่อควบคุมการสร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รวมทั้งควรประสานความร่วมมือไปยังเจ้าของแพลตฟอร์มอินไลน์ในการกำกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน มีการจำกัดอายุของคอนเทนต์ครีเอเตอร์ มีระบบตรวจสอบการเผยแพร่เนื้อหาสื่อดิจิทัลให้เหมาะสมกับวัยและคัดกรองเนื้อหาที่เข้าข่ายลามกอนาจารก่อนนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์และโลกออนไลน์ รวมทั้งจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมและจำกัดการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง เพื่อปกป้องเด็กจากการถูกกลั่นแกล้งผ่านโลกไซเบอร์ (Cyber Bully) จนส่งผลกระต่อสุขภาพจิต จำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546

‎ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ