29 ธ.ค.68 – สว.เอกชัย เรืองรัตน์ แสดงความกังวลว่าประเทศไทยอาจถูกใช้เป็นฐานฟอกเงินในระดับโลก ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม มองการบังคับใช้กฎหมายยังขาดความเข้มแข็ง พร้อมคาดหวังรัฐบาลชุดใหม่จะหยิบประเด็นนี้มาผลักดันอย่างจริงจัง

image

          ดร.เอกชัย เรืองรัตน์ กรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา กล่าวในรายการ มองรัฐสภา ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ถึงความกังวลต่อสถานการณ์การใช้ประเทศไทยเป็นฐานฟอกเงินว่า รูปแบบการหลอกลวงทางการเงินในปัจจุบันเปลี่ยนจากการฉ้อโกงมูลค่าสูงมาเป็นมูลค่าต่อรายไม่มาก แต่เกิดถี่ขึ้น และใช้ช่องทางทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว 2 ฉบับ เพื่อให้อำนาจสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสถาบันการเงิน สามารถระงับและคืนเงินได้ แม้ยอมรับว่ายังมีปัญหาในทางปฏิบัติ แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญและเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่นำไปใช้จริง ส่วนประเด็นความรับผิดชอบร่วมกันของสถาบันการเงินและค่ายโทรศัพท์มือถือ หากตรวจพบว่ามีการละเลยมาตรการรักษาความปลอดภัยหรือการตรวจสอบบัญชีและระบบควบคุมภายใน ดร.เอกชัย ระบุว่า คณะกรรมาธิการจะติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิดต่อไป

          ดร.เอกชัย เห็นว่าการแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแก๊งสแกมเมอร์ จำเป็นต้องมีการทวงคืนอธิปไตยใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการเงิน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังประสบปัญหาการเข้ามาของคริปโตเคอร์เรนซี โดยยังขาดกฎหมายและหน่วยงานกำกับดูแลที่ชัดเจน จึงหวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งดำเนินการให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น ด้านแพลตฟอร์มออนไลน์ ดร.เอกชัย ระบุว่า กฎหมายไทยยังไม่สามารถเข้าไปกำกับแพลตฟอร์มต่างชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคณะกรรมาธิการจะพยายามทวงคืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนไทย แม้ผลลัพธ์จะยังเป็นความท้าทายก็ตาม ส่วนด้านข้อมูล มองว่าประเทศไทยยังขาดระบบควบคุมข้อมูลสำคัญของประชาชน โดยควรกำหนดให้มีการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลภายในประเทศหรือภายใต้อธิปไตยของไทยเช่นเดียวกับหลายประเทศ เนื่องจากปัจจุบันข้อมูลของคนไทยจำนวนมากไหลออกไปต่างประเทศและกลายเป็นสินค้าที่สร้างผลกำไรมหาศาล จึงเสนอให้มีหน่วยงานทำหน้าที่คัดกรองและจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และให้แพลตฟอร์มต่างชาติเข้ามาตั้งบริษัทในประเทศไทย หากสามารถแก้ไขทั้ง 3 ประเด็นได้ เชื่อว่าจะช่วยลดปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ได้ถึงร้อยละ 80

          ดร.เอกชัย ยังกล่าวว่า ในฐานะกรรมาธิการการเศรษฐกิจฯ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหาธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาดำเนินการในลักษณะนอมินี รวมถึงการขยายตัวของแพลตฟอร์มพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ข้ามชาติ ซึ่งอาจเป็นช่องทางในการเคลื่อนย้ายเงินผิดกฎหมายหรือฟอกเงินจากธุรกิจสีเทา โดยเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ปปง. ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ บูรณาการข้อมูลร่วมกันเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างเป็นระบบ พร้อมชี้ว่าการบังคับใช้กฎหมายของไทยยังอ่อนแอ ทำให้ประเทศกลายเป็นทางผ่านและเป้าหมายของกลุ่มอาชญากรรม หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเร่งผลักดันการแก้ไขอย่างจริงจัง

          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้ คือกระแสข่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจมีทุนเทาจากขบวนการสแกมเมอร์เข้ามาครอบงำการเมือง จึงขอเรียกร้องให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใส และขอให้ประชาชนอย่าเลือกผู้สมัครเพียงเพราะเงินหรือผลตอบแทน หากปล่อยให้เกิดขึ้น ประเทศไทยอาจถูกทุนเทาครอบงำได้ พร้อมเชิญชวนประชาชนออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้ได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90

 

คริส พุทธชาติ ข่าว/เรียบเรียง
 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ