8 ม.ค.67 - รมช.คลัง เผย คณะกรรมการกฤษฎีกาตอบกลับสามารถออก พ.ร.บ. กู้เงิน 5 แสนล้านบาท พร้อมตั้งข้อสังเกตในบางประเด็น ยืนยัน ดิจิทัลวอลเล็ต เสร็จทัน พ.ค.นี้ เตรียมประชุม คกก.นโยบาย เพื่อวางแผนดำเนินการต่อ 

image

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กรณีที่กระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือสอบถามความเห็นไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่อการออกพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน พ.ศ...วงเงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามนโยบายของรัฐบาล ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ส่งหนังสือตอบกลับมาแล้ว ยืนยันว่าสามารถออก พระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน พ.ศ...วงเงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ โดยเป็นไปตามอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.)และคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะออกกฎหมายกู้เงินดังกล่าวมาใช้ในโครงการ พร้อมกันนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตั้งข้อสังเกตในบางประเด็น เช่น การออกกฎหมายกู้เงินจะต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 และ มาตรา 57 รวมทั้งจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งคงจะต้องพิจารณาสิ่งที่จะเกิดต่อจากนี้ และต้องมีการประชุมคณะกรรมการนโยบาย เพื่อเชิญทุกฝ่ายมา รวมถึงเลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการให้นำเสนอต่อที่ประชุม เพื่อให้ทุกคนทราบถึงคำตอบ สรุปความเห็น และควรจะดำเนินการต่ออย่างไร จากนั้นคณะกรรมการฯจะต้องมีมติว่าจะดำเนินการขั้นต่อไปอย่างไร ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี อยู่ในกรอบอำนาจหน้าที่ที่ทำได้ โดยยืนยันว่า กรอบเวลาจะต้องเป็นไปตามกรอบเดิม คือ เดือน พ.ค. ขณะนี้ยังไม่มีเหตุให้เลื่อน

ทั้งนี้ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เป็นประธาน เพื่อพิจารณาข้อหารือในประเด็นกฎหมายดังกล่าว โดยจะมีตัวแทนเลขาธิการกฤษฎีกาที่ร่วมเป็นคณะกรรมการมาพิจารณาตรวจข้อกฎหมาย สรุปข้อประชุม และความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่ามีข้อสังเกต และแนวทางการดำเนินการอย่างไร

ส่วนประเด็นที่ยังมีความเห็นต่างว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่นั้น รมช.คลัง กล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา เพียงแต่พิจารณาว่าขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ และข้อสังเกตว่าต้องเป็นโครงการที่ดำเนินการในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤตจนไม่สามารถตั้งงบประมาณปกติมาดำเนินการได้ รวมทั้งความคุ้มค่าของโครงการ ต้องมีการประเมินผลก่อนและหลัง และรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ที่ต้องดูว่าจะมีกลไกอย่างไร เพื่อให้ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน หรือหน่วยงานใดเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่คณะกรรมการชุดใหญ่ต้องพิจารณาต่อ

 

ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ