รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคเพื่อไทย แถลงถึงสาเหตุของการที่ สส.เพื่อไทย 122 คน ยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (รธน.) มาตรา 256 ต่อประธานรัฐสภา เมื่อวันศุกร์ที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมาว่า ต้องการหาข้อยุติถึงจำนวนการทำประชามติ เนื่องจากตามที่คณะกรรมการที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้นตามนโยบายในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีข้อเสนอว่าควรทำประชามติ 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เป็นการถามประชาชนว่าสมควรให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ครั้งที่ 2 เมื่อมีร่างแก้ไขมาตรา 256 เสนอต่อรัฐสภาและได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว และครั้งที่ 3 เมื่อสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขึ้นแล้ว แต่สำหรับพรรคได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาประกอบกับการพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 มองว่าการที่ต้องถามประชามติประชาชนก่อนว่าเห็นชอบให้จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ สามารถทำได้โดยเสนอญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ก่อนเพื่อแก้ไขวิธีแก้รัฐธรรมนูญ และเพิ่มเติมหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยกระบวนการ สสร.ไปก่อนได้ และเมื่อรัฐสภาเห็นชอบวาระสามแล้ว จึงถามประชามติจากประชาชนว่าเห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ซึ่งหากดำเนินการตามกระบวนการที่พรรคเพื่อไทยศึกษา จะช่วยลดขั้นตอนการทำประชามติเหลือเพียง 2 ครั้ง ลดภาระงบประมาณได้ 3,000 - 4,000 ล้านบาท
รศ.ชูศักดิ์ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าหากญัตติดังกล่าวไม่ได้รับการบรรจุ เพราะอาจถูกตีความจากสำนักกฎหมายของสภา ว่าการเสนอร่างแก้ไขมาตรา 256 ไม่สามารถทำได้ ย่อมจะเป็นการเกิดข้อขัดแย้งไปสู่การส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ซึ่งจะได้ข้อยุติ ทั้งนี้ ยืนยันพรรคเพื่อไทยไม่มีเจตนาอย่างอื่น และเห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ต้องการหาข้อยุติเรื่องจำนวนการทำประชามติ หากในที่สุดแล้วศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัยในเรื่องนี้ ปัญหาการทำประชามติจะจบลงและทุกฝ่ายต้องปฏิบัติตาม
ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง
