โดย
นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมคณะกมธ.เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางการพัฒนาท่าอากาศยาน จังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชา หากมีท่าอากาศยานจะเป็นประโยชน์ต่อการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาใช้บริการ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการคมนาคมเข้าชี้แจง ประกอบด้วย สำนักการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กรมท่าอากาศยาน (ทอท.) และ จากสำนักนโยบายและแผนขนส่งและจราจร (สนข.) ทั้งนี้ผู้แทน กพท.ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่าการพัฒนาท่าอากาศยานพาณิชย์ของไทย ต้องคำนึงถึงระบบท่าอากาศยานของประเทศที่มีหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างการเดินทางระหว่างท่าอากาศยานในประเทศกับต่างประเทศ รวมถึงการขนส่งรูปแบบอื่นด้วย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหลักเกณฑ์ของท่างอากาศยานระดับจังหวัดนั้นต้องตอบสนองการเดินทางของคนในจังหวัด และมีผู้ใช้บริการต่อปีไม่น้อยกว่า 1 ล้านคน ตลอดจนการมีโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถรองรับอากาศยานแบบ Regional Aircraft (Aircraft Code B) ได้ มุ่งให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศเป็นหลัก
ด้านผู้แทนจากทอท. ให้ข้อมูลต่อที่ประชุมว่าการจัดตั้งท่าอากาศยานแห่งใหม่จะต้องมีการจัดทำแผนแม่บท และมีการศึกษาความเป็นไปได้ รวมทั้งต้องมีความจำเป็นในการเปิดใช้บริการ หากรัฐบาลต้องการให้กรมท่าอากาศยาน กระทรวงคมนาคม ดำเนินการศึกษาจัดตั้งท่าอากาศยานสุรินทร์ ทางกรมท่าอากาศยาน
พร้อมจะดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ส่วนผู้แทนจากสนข. กล่าวต่อที่ประชุมว่าการจัดตั้งท่าอากาศยานแห่งใหม่จะต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์ในการดำเนินการ การจัดทำแผนแม่บทภารกิจในการให้บริการประชาชน ความคุ้มค่าในการเปิดให้บริการ รวมถึงการพิจารณาทางเลือกของแหล่งเงินทุนด้วย ซึ่งสนข.พร้อมจะดำเนินการในการจัดตั้งท่าอากาศยานพาณิชย์ในประเทศตามนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม คณะกมธ.มีข้อเสนอแนะ ว่าเพื่อให้การพิจารณาศึกษาเรื่องดังกล่าวได้ข้อมูลอย่างละเอียดรอบด้านและเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จะดำเนินการตั้งคณะอนุกมธ. ขึ้น เพื่อพิจารณาศึกษาการจัดตั้งท่าอากาศยาน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อเป็นกรณีศึกษาในการจัดตั้งท่าอากาศยานอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
เมธิชัย ยินดีผลเจริญ /ข่าว
ลักขณา เทียกทอง /เรียบเรียง
