29 เม.ย.67 - รองประธาน กมธ.การต่างประเทศ สภาฯ เรียกร้องนายกฯ เร่งแต่งตั้ง รมว.ต่างประเทศ คนใหม่ หลัง นายปานปรีย์ ยื่นลาออก ย้ำไม่เห็นด้วยหาก นายกฯ จะนั่งควบ หรือตั้งรองนายกฯ คนใดนั่งควบ ชี้ ผู้ที่จะเป็น รมว.ต่างประเทศ ต้องเข้าใจบริบทการเมืองระหว่างประเทศและมีวิสัยทัศน์ 

image

   นายจุลพงศ์ อยู่เกษ รองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวถึงความเห็นต่อการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนใหม่ แทน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหลังมีการปรับ ครม. ว่า ตนขอแสดงความเสียดายที่นายปานปรีย์ ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เพราะนายปานปรีย์ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถทั้งด้านการต่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งผู้แทนทางการค้า ส่วนผลงานในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในระยะ 7 เดือนที่ผ่านมาก็มีเป็นจำนวนมาก ตามที่ได้ระบุไว้ในหนังสือลาออก โดยส่วนตัวตนถือว่านายปานปรีย์ เป็นรัฐมนตรีน้ำดีคนหนึ่ง ซึ่งการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของนายปานปรีย์ ได้สร้างความตกใจแก่ต่างประเทศหลายประเทศว่าเกิดอะไรขึ้นกับเสถียรภาพของรัฐบาลไทย 

   นายจุลพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่นายกรัฐมนตรีให้นายปานปรีย์พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพียงตำแหน่งเดียว สะท้อนให้เห็นถึงการที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศตามที่ท่านเคยแถลงต่อรัฐสภา และไม่เข้าใจถึงการที่ต้องได้รับความเชื่อถือจากต่างประเทศ เพื่อให้การเจรจาระหว่างประเทศมีน้ำหนัก และนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ค่ากับบุคคลที่รับผิดชอบนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลเท่าที่ควร ทั้งนี้ มีหลายประเทศที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย แต่หากดูบริบทการเมืองไทยในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย สะท้อนให้เห็นไปยังต่างประเทศว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับนโยบายต่างประเทศเช่นใด อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี รีบหาและแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนใหม่ โดยเร็ว เพราะในขณะนี้ประเทศไทยไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ 

   นายจุลพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในประเด็นด้านการต่างประเทศที่สำคัญหลายเรื่อง ต้องได้คนที่เข้าใจลึกซึ้งมารับผิดชอบโดยเร็ว พร้อมยกตัวอย่าง 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องแรก ดุลอำนาจที่เกิดจากภูมิรัฐศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้ และเรื่องที่สอง สถานการณ์การสู้รบในเมียนมา คลื่นผู้อพยพชาวเมียนมาเข้ามาในประเทศไทย การจัดตั้งระเบียงมนุษยธรรมตามแนวชายแดนไทย  - เมียนมา ตามที่นายปานปรีย์ ได้ผลักดันให้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเรื่องเมียนมา รัฐบาลต้องเร่งหาความร่วมมือจากประเทศในกลุ่มอาเซียนและจากมหาอำนาจบางประเทศ โดยเร่งด่วน ส่วนนายกรัฐมนตรีจะเลือกใครมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นั้น ตนไม่ขอเข้าไปก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ตนขอแสดงความไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านหากนายกรัฐมนตรีจะมาควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อีกตำแหน่งหนึ่ง หรือจะแต่งตั้งให้รองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันนี้คนใดคนหนึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอีกตำแหน่งหนึ่ง เพราะบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเหมือนหน้าตาของประเทศไทยในสังคมโลก จึงต้องเป็นคนที่เข้าใจในบริบทการเมืองระหว่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ ภูมิรัฐศาสตร์ภูมิภาคเอเชียและของโลก และต้องมีวิสัยทัศน์ในการวางตำแหน่งของประเทศไทยบนเวทีโลก ที่สำคัญต้องไม่พูดเยอะ และต้องระวังการให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะเรื่องเกี่ยวกับการต่างประเทศนั้นมีทั้งประเด็นด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่หลายประเด็นเป็นเรื่องที่อ่อนไหว

 

คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง  

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ