นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 สภาผู้แทนราษฎร แถลงความคืบหน้าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯ ว่า กมธ.ได้พิจารณางบประมาณไปแล้ว คิดเป็นร้อยละประมาณ 10.28 ผ่านไปแล้วทั้งหมด 277 หน่วยงาน งบกลาง 12 รายการ และกองทุน 23 รายการ โดยในการพิจารณากระทรวงศึกษาธิการ 11 หน่วยงานกับ 2 กองทุน มีประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ คือ กมธ.ได้ตั้งข้อสังเกตต่อสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเกี่ยวกับความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษาและการจัดทำพระราชบัญญัติการศึกษาฉบับใหม่ ซึ่งหน่วยงานชี้แจงว่า พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ยังมีการบังคับใช้อยู่ และปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับใหม่ เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและส่งกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาต่อไป
ส่วนการพิจารณาสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ กมธ.ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับประสิทธิภาพการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี โดยพบว่า นักเรียนที่เข้าเรียนในระบบทวิภาคีมีเพียงร้อยละ 21 ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ทั้งที่ได้รับงบประมาณเพื่อส่งเสริมการอาชีวศึกษาแบบทวิภาคีเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่การดําเนินงานของ สอศ. ยังคงมุ่งเน้นการขยายทวิภาคีพื้นฐาน ซึ่งเป็นการให้นักเรียนฝึกงานมากกว่าครึ่งหนึ่งของเวลาเรียน ยังขาดการผลักดันทวิภาคีเชิงลึก นั้น ทางหน่วยงานได้ชี้แจงว่า ขณะนี้ได้พัฒนาหลักสูตรทวิภาคีเข้มข้นหรือทวิภาคีคุณภาพสูง โดยดึงผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมแล้ว พร้อมขยายความร่วมมือกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชนใน 33 สาขาวิชาชีพ ครอบคลุมสถานประกอบการ 20,000 แห่ง
ขณะที่ในการพิจารณากระทรวงมหาดไทย กมธ.ให้ข้อสังเกตต่อกรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเกี่ยวกับบทบาทการแจ้งเตือนประชาชน โดยคาดหวังให้เร่งทำระบบเตือนภัยเซลล์บรอดแคสต์ให้แล้วเสร็จตามกำหนด นั้น หน่วยงานชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับภัยพิบัติหลายประเภท และคาดว่าระบบเซลล์บรอดแคสต์จะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม นี้
สำหรับอนุกรรมาธิการทั้ง 8 คณะที่ศึกษารายละเอียดการใช้จ่ายงบประมาณ คาดว่าจะเข้ามารายงานผลการศึกษาต่อ กมธ.ชุดใหญ่ ภายในวันที่ 6 สิงหาคม นี้ และจะนำส่งรายงานงบประมาณปี 2569 เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรวาระ 2 – 3 ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคม 2568 ก่อนนำเสนอต่อวุฒิสภาพิจารณาต่อไป ซึ่งเป็นไปตามกำหนดการเดิมที่วางไว้
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง