นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงแสดงความกังวลต่อกรณีสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยสูงถึง 36% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. นี้ ว่ากำแพงภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมส่งออกสำคัญของไทย เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์ อาหาร และสินค้าเกษตร ซึ่งจะซ้ำเติมผู้ประกอบการ แรงงาน และประชาชนในวงกว้าง จึงขอเสนอให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการรับมือใน 3 ระยะ พร้อมตอกย้ำบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่มองการณ์ไกลและห่วงใยประชาชนอย่างแท้จริง โดยระยะแรกคือระยะเร่งด่วน ด้วยการบริหารวิกฤตและบรรเทาผลกระทบ โดยต้องเร่งเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เพื่อลดการขาดดุลการค้าผ่านการจัดซื้อสินค้าสหรัฐฯ และพิจารณาลดภาษีนำเข้าบางรายการอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทย การจัดมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ โดยใช้เงินจากงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2568 ที่เหลืออยู่ และปรับปรุงงบประมาณปี 2569 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ส่วนระยะกลาง ได้แก่ การปรับตัวและกระจายความเสี่ยง อาทิ ใช้เวทีระหว่างประเทศ ผลักดันความร่วมมือและการต่อรองร่วมกัน ทั้งในระดับพหุภาคีและอาเซียน อาทิ หาตลาดคู่ค้าใหม่ๆ ผ่านการจัดทำเขตการค้าเสรี (FTA) และความร่วมมือกับกลุ่มประเทศต่างๆ เพื่อลดการพึ่งพิงตลาดเดิม และกระจายความเสี่ยง จัดการสินค้าสวมสิทธิ์โดยปราบปรามสินค้าจากประเทศอื่นที่ใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกไปประเทศที่สาม เพื่อลดปัญหาทางการค้า และระยะยาว สร้างภูมิคุ้มกันและความยั่งยืน อาทิ ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจจากภายใน โดยยกระดับการท่องเที่ยว เกษตรกรรม มาตรฐานสินค้าไทย ส่งเสริมธุรกิจรายย่อย ลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ พัฒนาการศึกษาและทักษะ โดยยกระดับทักษะของประชาชน เพื่อรองรับอนาคตและสร้างภูมิคุ้มกันให้เศรษฐกิจไทยเข้มแข็งจากภายใน
นายร่มธรรม ยังกล่าวให้กำลังใจรัฐบาลในการเจรจาแก้ไขปัญหานี้ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม พร้อมกับการสื่อสารข้อมูลที่ชัดเจนต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความกังวลของประชาชน โดยหวังว่าจะผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกัน ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์และการทำงานอย่างรอบด้านของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนทุกคน
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง