27 ก.ค.68- สว.พบประชาชน กลุ่มภาคเหนือตอนบน ลงพื้นที่รับฟังปัญหาผังเมือง และการพัฒนาระบบขนส่งทางราง หวังเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน ดันเศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว ขยายตัว เตรียมจัดเสวนาร่างกฎหมายการศึกษาแห่งชาติฯ หวังช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เน้นปรัชญาการศึกษารับกระแสโลกยุค AI

image

        นายพละวัต  ตันศิริ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พบประชาชน กลุ่มภาคเหนือ (ตอนบน) คนที่หนึ่ง ลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาความเดือนร้อนของประชาชน โดยมีนายชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ  ภาคเอกชน ประชาชนนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ภาคประชาสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ ณ ห้องประชุมโรงเรียนวิไลเกียรติอุปถัมภ์ อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่

        นายพละวัต กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการฯ มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และขอให้หน่วยงานในพื้นที่ และประชาชน ได้นำเสนอการบริหารจัดการด้านคมนาคม โดยผู้แทนของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้นำเสนอข้อมูลโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของทางรถไฟสายเหนือ ปัจจุบันมีความคืบหน้าไปกว่า 20 % โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเดินทางและการขนส่งสินค้าในภาคเหนือ รวมถึงเชื่อมโยงการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อมการค้าระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้ จากการเชื่อมเส้นทาง R3A ของจีน อย่างไรก็ตาม โอกาสทางด้านระบบขนส่งรูปแบบทางราง ซึ่งปัจจุบันมีเพียงร้อยละ 2 ในขณะที่การคาดการณ์ในปี 2580 ควรจะเป็นร้อยละ 10 การสร้างชุมทางคมนาคมที่อำเภอเด่นชัย จะทำให้ต้นทุนลดลง เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจการค้า ระบบรางจะช่วยส่งสินค้าไปถึงท่าเรือชายแดน ลดจำนวนปริมาณ รถ เกิดการสร้าง Cluster ใหม่ เป็น Cross-Border Logistic การเชื่อมโยงศักยภาพการท่องเที่ยว ทำให้อำเภอเด่นชัยเป็นเมืองบริการใหม่ เกิดธุรกิจภาค SME เป็นเมืองที่สมบูรณ์ ซึ่งระบบขนส่งและการจัดการคมนาคมมีความสัมพันธ์กับการวางผังเมือง ซึ่งจะต้องพิจารณาประกอบกัน

        นายพละวัต กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้แทนโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดแพร่ได้นำเสนอสภาพการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดการผังเมือง เนื่องจากกฎหมายผังเมืองปัจจุบันเป็นการควบคุมการพัฒนาของจังหวัดแพร่มากเกินไป โดยเฉพาะการพัฒนาอุตสาหกรรม ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายของรัฐบาลที่เน้นการสร้างรายได้และการพัฒนาเศรษฐกิจ บางกฎระเบียบมีหลายขั้นตอนการขออนุญาตจากทางราชการไม่เอื้ออำนวยต่อจัดตั้งสถานประกอบการต่าง ๆ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้ให้ข้อเสนอแนะว่าควรมีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายผังเมือง เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับบริบทและความต้องการของจังหวัดแพร่ อีกทั้งต้องมีการเตรียมการศึกษาเพิ่มเติมต่อข้อเสนอการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค การขอการสนับสนุนให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ต้องมีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัด พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยเฉพาะความเปลี่ยนแปลงของเมืองมีความรวดเร็วมาก สำหรับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นั้น คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วุฒิสภา ที่เกี่ยวข้อง จะเชิญผู้แทนจากกรมโยธาธิการและผังเมืองมาหารือในรายละเอียด ตลอดจนขอให้จังหวัดแพร่กำหนดทิศทางแผนยุทธศาสตร์ การเสนอแผนยุทธศาสตร์ของจังหวัดเพิ่มเติมว่าจุดยืนการพัฒนาจังหวัดจะเป็นไปแบบใด เพื่อให้คณะกรรมาธิการได้มีข้อมูลการศึกษาอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในเรื่องใหญ่ ๆ อาจต้องมีการทบทวนกฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน หริอ การกิโยตินกฎหมาย (Regulatory Guillotine) โดยอาจยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่ไม่จำเป็น ล้าสมัย หรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตและการประกอบธุรกิจ

        รองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวถึงการหารือปัญหาด้านการศึกษา ของจังหวัดแพร่ ว่า มีความคล้ายคลึงกับจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศ คือ ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ปัญหาโรงเรียนขนาดเล็กที่อาจมีข้อจำกัดด้านทรัพยากรและบุคลากร ปัญหาคุณภาพการศึกษาที่ไม่ทั่วถึง และปัญหาการเข้าถึงเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ เช่น AI ปัญหาหนี้สินสวัสดิการของครูและบุคลากรทางการศึกษา เช่นเดียวกับปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ผลไม้ตามฤดูกาล ตลอดจนการอุตสาหกรรมแปรรูป เป็นต้น สำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวนั้น จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เยาวชนในจังหวัดแพร่ทุกคนได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพและสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่วนในภาพรวม ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ... ซึ่งได้รับการบรรจุเข้าพิจารณาในวาระของวุฒิสภาแล้ว จะเป็นกฎหมายที่แก้ไขทั้งระบบ โดย นายสุทิน แก้วพนา สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่มการศึกษา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม คนที่หนึ่ง กำลังศึกษาวิเคราะห์เพื่อจัดเสวนาวิชาการ ซึ่งเริ่มจัดงานวันที่ 8 ส.ค.นี้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง มีประเด็นการหารือเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาการประชุมรับฟังข้อคิดเห็นทั่วประเทศ มุ่งเน้นปรัชญาการศึกษา โลกยุคใหม่ สอดคล้องกับการประกอบอาชีพในอนาคต การพัฒนา Active Learning และฐานสมรรถนะที่อยู่ในหลักสูตรใหม่     

        นางกัลยา ใหญ่ประสาน สว. กลุ่มอาชีพทำนา และปลูกพืชล้มลุก กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนปัญหาพืชผลการเกษตรกรตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต้องทำทั้งระบบ เช่น ปัญหาข้าว การสร้างมูลค่า SME ให้เกิดการแข่งขันกับภายนอก ซึ่งวุฒิสภาจะศึกษาเรื่องกฎหมายที่เป็นอุปสรรค และมีความเกี่ยวข้องกัน ทั้งปัญหาระบบการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เรื่องการมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน การแปลงสินทรัพย์ ดังนั้น ตนจะขอรับเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการในกลไกของวุฒิสภาต่อไป

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ