การแข่งขันสภาวาที ในโครงการโต้วาทีสร้างสรรค์สังคม สภาวาที ครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ 68 ซึ่งสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดขึ้น เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในวันนี้เป็นการแข่งขันให้เหลือผู้เข้ารอบ 8 ทีม เป็นวันที่สาม จากจำนวนการแข่งขันทั้งหมด 4 วัน ( วันที่ 4- 7 ส.ค. 68) คู่แข่งขันคู่แรกของวันนี้ โรงเรียนเลยพิทยาคม จังหวัดเลย - โรงเรียนสตรีพัทลุง จังหวัดพัทลุง คู่แข่งขันคู่ที่สอง โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย จังหวัดภูเก็ต - โรงเรียนชลกันยานุกูล จังหวัดชลบุรี โดยมีคณะกรรมการตัดสินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพูด การใช้ภาษาไทย และการโต้วาที ได้แก่ อาจารย์กรรณิกา ธรรมเกษร อาจารย์พะเยาว์ พัฒนพงศ์ อาจารย์อภิชาติ ดำดี นายสมชาย หนองฮี นางสาวสายสวรรค์ ขยันยิ่ง นายบุญมา ศรีหมาด นายจักรกฤต โยมพะยอม และมีกรรมการกิตติมศักดิ์ นายชิบ จิตนิยม และนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. ร่วมให้คะแนะนำกับผู้แข่งขัน
สำหรับบรรยากาศการแข่งขันคู่ที่ 1 โรงเรียนเลยพิทยาคม เป็นฝ่ายเสนอ และโรงเรียนสตรีพัทลุง เป็นฝ่ายค้าน ในญัตติรับราชการดีกว่าทำงานเอกชน ซึ่งการโต้วาทีเป็นไปอย่างเข้มข้น ฝ่ายเสนอระบุถึงข้อดีด้านสวัสดิการที่ครอบคลุมทั้งตนเองและครอบครัว ความมั่นคง ความก้าวหน้าในอาชีพ ผลตอบแทน และความภาคภูมิใจในเกียรติยศศักดิ์ศรีของงานราชการ ขณะที่ฝ่ายค้านระบุให้เห็นถึงผลกำไรตอบแทนที่สูงกว่างานราชการในสายงานเอกชน และภาคเอกชนถือเป็นกำลังหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากนี้ทั้ง 2 ทีมต่างสร้างสีสันเรียกความสนใจจากผู้ชมผ่านการนำบทกลอนและเพลงต่างๆมาประกอบการโต้วาที ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานโอกาสนี้ นายชิบ สว. ในฐานะกรรมการกิตติมศักดิ์ ระบุว่าต้องการให้ผู้ที่ยังไม่เคยรับชมรายการสภาวาที ได้เห็นความสามารถที่น่าทึ่งของเยาวชนไทย เห็นมุมมองมิติต่าง ๆ ของสังคมอย่างลึกซึ้งทั้งเรื่องการเมืองตลอดจนการประกอบอาชีพและประเด็นทางสังคมอื่น ๆ อย่างไรก็ตามขอชื่นชมรายการสภาวาทีที่เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงออกและพัฒนาทักษะด้านการพูดที่ดีซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เยาวชนในอนาคต
ส่วนการแข่งขันโต้วาทีของคู่ที่ 2 ภูเก็ตวิทยาลัย เป็นฝ่ายเสนอ และโรงเรียนชลกันยานุกูล เป็นฝ่ายค้าน ในญัตติหารายได้เสริมระหว่างเรียนให้ประโยชน์มากกว่าผลเสีย ทั้ง 2 ทีม ต่างยกข้อดีของตนเองมานำเสนอ อาทิ ฝ่ายเสนอมองว่าการหารายได้เสริมระหว่างเรียน ทำให้ผู้เรียนได้ค้นพบตนเองและสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดีในการดำรงชีวิต ขณะที่ฝ่ายค้านมองว่า การหารายได้เสริมระหว่างเรียนทำให้ผู้เรียนไม่ได้จดจ่ออยู่กับการเรียนอย่างเต็มที่ ส่งผลต่ออนาคตรวมไปถึงอาจถูกล่อลวงให้ทำงานได้ รวมถึงส่งผลเสียทำให้เกิดภาวะเครียดในช่วงที่ทำงานหารายได้เสริม ทั้งนี้ทั้งสองทีมโต้แย้งและหาเหตุผลหักล้างเพื่อสนับสนุนความคิดฝ่ายตนเองกันอย่างดุเดือด สร้างความประทับใจให้แก่คณะกรรมการและผู้ชมเป็นอย่างมาก โอกาสนี้ นายเทวฤทธิ์ สว. ในฐานะกรรมการกิตติมศักดิ์ ระบุว่ากิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมทักษะทางด้านการพูดให้กับเยาวชนแต่ยังเสริมทักษะด้านการฟังที่ดี การจัดประเด็น และการใช้ปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบฝ่ายตรงข้าม ตนขอสนับสนุนให้รัฐสภาดำเนินกิจกรรมในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นพื้นที่ให้กับเยาวชนได้แสดงออก เพราะเยาวชนเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ
ภายหลังการแข่งขันอย่างเข้มข้นของทั้ง 2 คู่ ผลปรากฏว่า โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย และโรงเรียนสตรีพัทลุง เป็น 2 โรงเรียนที่เข้ารอบสู่การแข่งขัน 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งจะจัดการแข่งขันในวันที่ 19 ส.ค. 68 ในชื่อญัตติควรเพิ่มเวลาเรียนประวัติศาสตร์ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย เป็นฝ่ายเสนอ และโรงเรียนสตรีพัทลุง เป็นฝ่ายค้าน ผู้สนใจสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านทางช่องทางออนไลน์ของสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา ช่อง Youtube TP channel เพจเฟซบุ๊กวิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา และ เพจเฟซบุ๊ก TP Online – สื่อรัฐสภาเพื่อประชาชน
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง
