นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)พรรคประชาชน กล่าวถึง กรณีที่ดินเขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ ว่า ดูเหมือนว่าคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คนใหม่ กำลังเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินประมาณ 5 พันกว่าไร่บริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ตนเห็นว่ารัฐบาลควรสะสางปัญหาที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์เช่นกัน เนื่องจากทั้งสองกรณีมีความเหมือนกันอยู่หลายประการ คือ มีความเชื่อมโยงกับการทำงานของระบบราชการในอดีตที่ไม่ยึดหลักกฎหมาย แต่เอื้อประโยชน์แก่ผู้มีอำนาจในยุคใดยุคหนึ่ง นอกจากนี้ ทั้งสองกรณียังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีในชั้นศาลเช่นกัน และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาชนที่อยู่อาศัยบนที่ดินจำนวนมาก ทำให้ประชาชนไม่สามารถทำนิติกรรมในที่ดินดังกล่าวได้จนถึงทุกวันนี้ จากเหตุผลข้างต้นทำให้ไม่เห็นเหตุผลว่าเหตุใดรัฐบาลจึงดำเนินการเร่งรัดกรณีหนึ่ง แต่กลับยังนิ่งเฉยต่อกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ ตนจึงมีความเห็นว่าการดำเนินการของรัฐบาลน่าจะเป็นการตอบโต้ชั่วครั้งชั่วคราวทางการเมือง แต่หากมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป และพรรคการเมืองทั้งสองพรรคที่มีความเกี่ยวโยงกับทั้งสองกรณีกลับมาร่วมรัฐบาลกันอีกครั้ง ทั้งเรื่องเขากระโดงและที่ดินอัลไพน์ก็จะจางหายไปเช่นเดิม กลายเป็นมวยล้มต้มคนดูระหว่างนักการเมือง ประชาชนในพื้นทั้งสองแห่งจำนวนหลายพันครอบครัวจะไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา ดังนั้น จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนมองภาพใหญ่กว่ากรณีเขากระโดงและกรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์ว่า รากฐานของปัญหาคือระบบราชการไทยที่อ่อนแอจนเป็นเหตุให้ข้าราชการไม่ยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัดในการปฏิบัติหน้าที่ โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ มีอดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องรับโทษจำคุกเพื่อแลกเปลี่ยนกับการทำตามที่นักการเมืองต้องการและเพื่อแลกกับการได้รับตำแหน่งทางการเมือง ทั้งสองกรณีเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 50 สิบปีมาแล้ว จึงเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างหลายพันหลายหมื่นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอและการเลือกปฏิบัติในสังคมไทย
ทั้งนี้ จากการปฏิบัติหน้าที่ สส. และ กมธ.ในสภาผู้แทนราษฎร ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ตนมองเห็นว่า ประเทศไทยยังมีข้าราชการดี ๆ อีกเป็นจำนวนมากหลายคนเป็นคนรุ่นใหม่ และจากทั้งสองกรณีข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยต้องการการปฏิรูประบบราชการอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การตั้งกรมใหม่ การเพิ่มตำแหน่ง หรือโยกย้ายข้าราชการ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังต้องฟื้นฟูหลักนิติธรรมครั้งใหญ่ เพื่อให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดและเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง นายพล หรือเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งในประเทศ ทุกคนต้องได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง