ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางราง พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว ซึ่งมีประเด็นสำคัญของร่างกฎหมายเป็นกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการกำกับดูแลกิจการขนส่งทางรางของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย การบริหารจัดการ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งทางรางให้มีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น มีคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางราง มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กำหนดนโยบายและแผนพัฒนาการขนส่งทางราง รวมถึงกำกับดูแลการลงทุนและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง และมีคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุ มีหน้าที่สอบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพื่อหาสาเหตุและป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ
ขณะที่ นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. .... ชี้แจงต่อที่ประชุมว่าร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง มีจำนวน 165 มาตรา ในจำนวนนี้เป็นมาตราที่กรรมาธิการมีการเพิ่มมาตรา ตัดบางมาตราออก และมีมาตราที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับมาตราที่เพิ่มขึ้นใหม่ อาทิ มาตรา 33 / 1 เกี่ยวกับกรณีเอกชนที่ดำเนินกิจการขนส่งทางรางเพื่อกิจการของตนในพื้นที่ของเอกชนทั้งหมด ให้แจ้งกรมการขนส่งทางราง และต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีในการก่อสร้างราง ส่วนมาตราที่ตัดออก อาทิ มาตรา 16 ถึงมาตรา 18 เรื่องเกี่ยวกับอำนาจของกรมการขนส่งทางรางในการเข้าสำรวจพื้นที่เพื่อจัดทำแผนและความรับผิดจากการเข้าไปในพื้นที่ รวมถึงสิทธิ์ในการฟ้องคดีของผู้เสียหาย และมาตราที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมมีทั้งสิ้น 43 มาตรา อาทิ มาตรา 5 มาตรา 9 เรื่องของโครงสร้างอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางราง มาตรา 60 เรื่องการห้ามโอนสิทธิ์ใบอนุญาต นอกจากนี้
นายสรวุฒิ กล่าวว่าคณะกรรมาธิการมีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน 4 ประเด็น
1.การกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม โดยโครงการขนส่งทางรางที่ภาครัฐร่วมลงทุนกับเอกชนต้องมีการจัดเก็บ และเปิดเผยข้อมูลการลงทุนเพื่อให้รัฐนำไปประกอบการพิจารณางบประมาณอุดหนุนได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
2.การกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมควรคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของระบบการขนส่งทางรางที่มีรูปแบบการให้บริการและต้นทุนที่แตกต่างจากระบบการขนส่งทางถนน
3.ความซ้ำซ้อนของกฎระเบียบภายในของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่เกี่ยวกับโทษของพนักงานเนื่องจากกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายกลาง และมีการกำหนดโทษทางปกครองและโทษทางอาญา ดังนั้น กฏระเบียบภายในที่ซ้ำซ้อน ของการรถไฟแห่งประเทศไทยควรต้องมีการทบทวนให้เหมาะสม
4.การบูรณาการเกี่ยวกับการลงทุนภาพรวมระบบขนส่งของประเทศควรยกระดับคณะกรรมการการจัดระบบการจราจรทางบก หรือยกร่างกฎหมายใหม่เพื่อจัดตั้งองค์กรทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการภาพรวมการขนส่งทุกระบบของประเทศ
จากนั้นที่ประชุมเปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปราย และลงมติในแต่ละมาตรา ซึ่งการอภิปรายเป็นไปอย่างราบรื่น ยกตัวอย่าง มาตรา 31/1 ที่คณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นใหม่ นายจิตติพจน์ วิริยะโรจน์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่เพื่ออุดช่องโหว่ให้มีการควบคุมกิจการขนส่งทางของผู้ประกอบการเองหรือหากมีเอกชนประกอบธุรกิจขนส่งทางรางอยู่ในที่ดินของตนเอง ซึ่งแต่เดิมตามกฎหมายนี้จะไม่ควบคุมดูแล แต่เมื่อมีมาตรานี้เพิ่มขึ้นมา จะเป็นการควบคุมดูแลกิจการของตน อีกทั้งการกำหนดบทนิยามเรื่องการประกอบกิจการไว้อย่างละเอียด แต่อาจกลายเป็นปัญหาในการตีความ ยกตัวอย่างเอกชนประกอบธุรกิจสวนสาธารณะหรือห้างสรรพสินค้าและมีขนส่งทางรางอยู่ในกิจการจะเข้าข่ายว่ากระทำเพื่อกิจการของตนเองหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบด้วยกับมาตรา 33/1 ที่คณะกรรมาธิการเพิ่มขึ้นมาใหม่ด้วยคะแนนเสียง 365 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนน 2 เสียง
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและลงมติวาระที่สองของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การขนส่งทางรางจนถึงมาตรา 63 ที่มีการแก้ไข และมีการตรวจสอบองค์ประชุม ก่อนที่ นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ประธานในที่ประชุมขณะนั้นจะสั่งปิดการประชุม
ณรารัฎฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง