19 ส.ค.68 - โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากประธานชมรมสันติประชาธรรม และคณะ เรียกร้องตรวจสอบ 5 สส.พรรคประชาชน ปมใช้ถ้อยคำด้อยค่าพุทธศาสนา ในอภิปรายงบฯ 69 ผิดจริยธรรมร้ายแรง หรือไม่

image

               นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์  โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม และพระมหาวัฒนา ปญฺญาทีโป วัดมหาสวัสดิ์นาคพุฒาราม จ.นครปฐม พร้อมคณะ เพื่อขอให้ตรวจสอบและดำเนินการต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 5 คน ของพรรคประชาชนผู้กระทำการอันเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรงขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย สืบเนื่องจาก สส.ของพรรคประชาชน ได้อภิปรายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2568 ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 โดยมีการใช้ถ้อยคำและแสดงพฤติกรรมอันเป็นการด้อยค่าและโจมตีพระพุทธศาสนา ซึ่งการกระทำดังกล่าวมิใช่เพียงการวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณของรัฐ แต่เป็นการลบหลู่ศาสนา และยังแสดงถ้อยคำอันไม่สมควรต่อพระพุทธศาสนาซึ่งมีลักษณะเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายและแสดงความไม่ให้เกียรติต่อโครงการหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในแผนการใช้งบประมาณ โดยมีการถ่ายทอดสดและเผยแพร่ผ่านสื่อสาธารณะซึ่งเป็นการสร้างความกระทบกระเทือนต่อจิตใจและศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก อันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคมและความมั่นคงทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งข้อกฎหมายและเหตุผลประกอบ อาทิ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 31 รับรองเสรีภาพในการนับถือศาสนาและการปฏิบัติศาสนกิจ มาตรา 67 บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่อุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา มาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อีกทั้งยังผิดมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้ต้องประพฤติปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เคารพสิทธิเสรีภาพ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งต้องเคารพ และไม่ลบหลู่ศาสนาที่ประชาชนยึดถือ และข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 6 สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประกอบข้อ 7 สมาชิกและกรรมาธิการต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเคร่งครัด นอกจากนี้ ยังเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 54 จึงขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาลงโทษตามสมควร หากพบมูลความผิด ขอให้ส่งเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อพิจารณาว่าเป็นการผิดจริยธรรมร้ายแรง และดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายบัญญัติ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ พนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณาดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 และดำเนินคดีตามมาตรา 54 แห่ง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประกาศผลการตรวจสอบต่อสาธารณชน เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องและรักษาศรัทธาของประชาชนต่อสถาบันการเมืองและสถาบันพระพุทธศาสนา
               ด้าน โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมระบุว่า หลักธรรมคำสอนและกรณีที่ถูกพาดพิงถึงนั้นเป็นเรื่องสำคัญ เพราะทุกศาสนาเกิดจากความเลื่อมใสของคนในสังคมนั้น ไม่ควรที่จะไปละเมิด หรือกล่าวถึงในทางที่ไม่ดี

อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ