นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการลงพื้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมรับฟังปัญหาในพื้นที่รอบด้าน เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พันเอกปฏิวัติ เฟื่องประภัสสร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูล ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอโคกสูง
คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้แลกเปลี่ยนความเห็นใน 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความตึงเครียดชายแดนและความเสี่ยงปะทะ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอุปกรณ์ผลักดันฝูงชน แต่ยังคงกังวลความเสี่ยงจากการแทรกแซงทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งจะต้องนำไปหารือในระดับนโยบายต่อไป ประเด็นปัญหาเอกสารสิทธิและการรุกล้ำเขตแดน ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างกระบวนการเจรจาเขตแดนและการเก็บกู้กับดักระเบิด ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนพิสูจน์สิทธิในที่ดิน จึงอาจส่งผลให้การแก้ปัญหาล่าช้า ประเด็นการสร้างรั้วชายแดนที่มีข้อจำกัดในพื้นที่ ต้องพิจารณาใช้เทคโนโลยีเสริม เช่น ระบบตรวจจับเพื่อป้องกันการลักลอบเข้าและออกประเทศ ประเด็นการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน โดยกรรมาธิการฯย้ำความสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โดรนลาดตระเวน ระบบ Anti Drone อุปกรณ์เซนเซอร์ และกล้องวงจรปิดแบบโซลาร์เซล เพื่อช่วยลดภาระเจ้าหน้าที่ และประเด็นการจัดการพื้นที่ชายแดนและการค้าขาย พบว่ามีการทับซ้อนการบริหารจัดการระหว่างหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องบูรณาการใหม่ ทั้งด้านไฟฟ้า ถนน และการเข้าถึงพื้นที่ ขณะที่ภาคธุรกิจสะท้อนความกังวลต่ออนาคตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่
นายรังสิมันต์ ระบุเพิ่มเติมว่า จากข้อเท็จจริงในพื้นที่ ทำให้คณะกรรมาธิการฯ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ เห็นพ้องว่าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไม่อาจกลับไปเหมือนเดิมได้ แต่ไทยต้องยึดหลักว่า ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านที่ไม่อาจแยกจากกัน จึงจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์ความมั่นคงให้เหมาะสมและหาทางอยู่ร่วมกันด้วยสันติวิธีต่อไป ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ จะนำข้อมูล ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายกลับไปพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ เพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาชายแดนอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง
