นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้การจัดทำรัฐธธรรมนูญฉบับใหม่ต้องจัดให้ประชาชนออกเสียงประชามติ 3 ครั้ง โดยการทำประชามติ ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สามารถรวมเป็นครั้งเดียวได้ ว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้อย่างชัดเจนว่ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กล่าวคือ จะต้องมีการทำประชามติทั้งหมด 2 รอบ ได้แก่ รอบที่ 1 เพื่อสอบถามประชาชนพร้อมกันใน 2 ประเด็น ในประเด็นแรก สอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการมีรัฐรรมนูญฉบับใหม่ถือไม่และประเด็นที่สอง คือ เห็นด้วยหรือไม่กับ วิธีการและเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ที่รัฐสภาเห็นชอบ ส่วนการทำประชามติรอบที่ 2 นั้น ภายหลังรัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ให้ประชาชนออกเสียงประชามติว่าเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า พรรคประชาชนเห็นว่าควรจัดทำประชามติรอบที่ 1 พร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายในกรอบระยะเวลา 4 เดือน นับตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะกระทำการได้หลังจากที่รัฐสภาพิจารณาและให้ความเห็นชอบกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เพื่อเพิ่มกลไกในการจัดทำรัฐธธรรมนูญฉบับใหม่แล้ว โดยพรรคประชาชนมีข้อเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่และ สส. ให้ดำเนินการ ดังนี้ 1. สส. แต่ละพรรคการเมืองควรยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หมวด 15 เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยเร็ว เพื่อให้สามารถจัดทำประชามติรอบที่ 1 ได้ทันพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้น หลังจากการยุบสภาภายใน 4 เดือน ซึ่งเป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่ได้มีการตกลงกัน ซึ่งปัจจุบัน สส.พรรคประชาชน และ สส.พรรคเพื่อไทย ได้ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมต่อประธานรัฐสภาและถูกบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้น พรรคภูมิใจไทย ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล ควรรวบรวมเสียงของรัฐบาล เพื่อยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ของตนเองเข้าสู่รัฐสภาโดยเร็ว และควรมีเนื้อหาที่เป็นการเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งตามข้อตกลง MOA
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่า รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง แต่พรรคประชาชนเห็นว่า รัฐสภาสามารถออกแบบให้มี สสร. ยกร่างรัฐธธรรมนูญฉบับใหม่แล้วส่งให้รัฐสภาพิจารณา ก่อนส่งไปทำประชามติกับประชาชนได้ ดังนั้น ตนมีข้อเสนอแนะให้ สส.แต่ละพรรคการเมืองร่วมกันผลักดันให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ในวาระที่ 1 ภายในเดือน ก.ย.นี้ โดยไม่จำเป็นต้องรอการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา เนื่องจากเป็นกระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารโดยตรง เพื่อให้การจัดทำประชามติรอบที่ 1 สามารถดำเนินการไปพร้อมกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นจากการยุบสภาภายในกรอบระยะเวลา 4 เดือน ได้ และพรรคประชาชนยืนยันจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อผลักดันให้รัฐบาลใหม่ ได้เดินสู่การปลดล็อกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุบสภาภายใน 4 เดือน ตามที่ได้ตกลงไว้
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง