24 ก.ย.68 - นายกรวีร์ ประธานกมธ.การปกครอง เผยมีหลักฐานแชท-การโอนเงิน เรียกรับผลประโยชน์ทำสัญชาติรายละ 30,000 บาท เตรียมส่งเอกสารให้กรมการปกครองสอบข้อเท็จจริง ย้ำใครเอานโยบายรัฐหาผลประโยชน์ต้องถูกลงโทษเป็นตัวอย่าง พร้อมวอนรัฐบาล-มหาดไทยจริงจังจัดการปัญหา เพิ่มช่องทาง-เจ้าหน้าที่ อำนวยความสะดวก ปชช.
 

image

นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการ(กมธ.) การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการติดตามเรื่องส่วยสัญชาติ ว่าวันนี้ (วันที่ 24 ก.ย. 68) ได้เชิญอธิบดีกรมการปกครองและจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย พร้อมกับนายอำเภอที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อเข้าชี้แจงพูดคุยว่าจริงหรือไม่ ที่มีการร้องเรียนว่ามีบุคคลบางกลุ่มได้ใช้ช่องทางนโยบายของรัฐบาลหาประโยชน์ในการเลือกรับเงินจากประชาชนที่ควรได้รับสิทธิ์ ของการได้รับสัญชาติไทย และมีวิธีการขั้นตอนในการอำนวยความสะดวกเป็นอย่างไรเพราะมติของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ออกมาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และโครงการนี้มีอายุ 1 ปี สิ้นสุดโครงการในช่วงปลายเดือนมิถุนายนปี 69 ซึ่งจากข่าวมีการติดขัดปัญหาต้องจัดคิวไม่เกิน 100 คิวต่อวัน คาดว่าสาเหตุความล่าช้าจะมาจากเรื่องของกำลังคน เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานมีน้อย ซึ่งหากสาเหตุความล่าช้ามาจากนโยบายของรัฐบาล ถือเป็นเรื่องใหญ่ของกระทรวงที่ต้องแก้ปัญหาหน้างาน เช่น การเพิ่มกำลังคนหรือมีช่องทางเฉพาะกิจเพื่อจัดการภารกิจด้านนี้ การเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลวันนี้ถือเป็นการพูดคุยเพื่อหาทางออกให้กับประชาชน 
นายกรวีร์ เผยว่าหลังจากที่ กมธ.การปกครองเปิดช่องทางให้ประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์เข้ามา มีประชาชนแจ้งเบาะแสเป็นเอกสารแชทกับบุคคลที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่และเรียกรับเงินจากผู้ที่จะขอสัญชาติ มีหลักฐานเรื่องการโอนเงินที่สามารถตรวจสอบได้ มีการเรียกรับเงิน 30,000 บาทและให้โอนมัดจำก่อน 10,000 บาท แต่ขณะนั้นผู้ร้องไม่มีเงิน จึงโอนไปเพียง 8,000 บาท และจะหาเพิ่มอีก 2,000 บาท  ดังนั้น กรณีนี้ต้องติดตามว่ามีความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจทั้งผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอหรือปลัดอำเภอหรือไม่ มีแชทผ่าน แอพพลิเคชั่นว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ และขั้นตอนในการจัดทำสัญชาติแบบใด ทั้งนี้ ตนคิดว่าประชาชนที่ควรจะได้รับสิทธิ์ทั้งที่มีหลักฐาน แต่เนื่องจากอยู่ในพื้นที่จึงกังวลเรื่องความปลอดภัย และเกรงจะไม่ได้รับสถานะทางทะเบียน จึงไม่กล้าที่จะออกมาเป็นพยานให้  ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นทางปกครอง อธิบดี นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องจริงจัง เอกสารทั้งหมดที่คณะกรรมาธิการได้รับจะส่งไปยังกรมการปกครองเพื่อให้กรมการปกครองไปตรวจสอบข้อเท็จจริง 
นายกรวีณ์ กล่าวอีกว่าผู้หาช่องจากนโยบายของรัฐบาลไปเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตัว ต้องถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด และต้องถูกปราบปราม เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมาใช้อำนาจโดยมิชอบ คณะกรรมาธิการจะหารือพูดคุยถึงแนวทางการปราบปรามการทุจริตการคอ์รัปชันในลักษณะนี้ และแนวทางในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการที่จะติดต่อขอทำพาสปอร์ตถาวร หรือขอสัญชาติต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้มีผู้แจ้งเรื่องเข้ามายังกรรมาธิการอย่างน้อย 4-5 กรณีแล้ว  อย่างไรก็ตาม ทราบว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากรมการปกครองได้ส่งทีมลงพื้นที่เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งวันนี้จะพูดคุยว่ามีอำเภอใดเกี่ยวข้อง เบื้องต้นทราบว่ามีประมาณ 3-4 อำเภอ เรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องใหญ่ที่ทางรัฐบาล หรือ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย ตนต้องการเห็นความจริงจังและเข้มงวด นำตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำผิดมาลงโทษให้ถึงที่สุด

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง
 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ