นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การที่ดินทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย พร้อมด้วยนายชวภณ วัธนเวคิน สมาชิกวุฒิสภา และนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สมาชิกรัฐสภาเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา (APPCED) ครั้งที่ 21 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-24 กันยายน 2568 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี
โดยการประชุมวันแรก (23 ก.ย.68) มีวาระที่สำคัญ คือ พิธีเปิดการประชุม การประชุมคณะกรรมการบริหาร และการรายงานสถานการณ์ประเทศด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศที่เข้าร่วมประชุม โดยมีนายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี หัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทยได้เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริหารดังกล่าว ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเลือกคณะกรรมการบริหาร และเห็นชอบแต่งตั้งนาย In-Young Lee เป็นประธาน นาย Ta Dinh Thi ผู้แทนจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นรองประธาน และ นางสาว Maria Imelda Marcos ผู้แทนจากสาธารณรัฐฟิลิปปินส์เป็นเลขาธิการคณะกรรมการบริหาร จากนั้นจึงพิจารณารับรองระเบียบวาระการประชุม และกำหนดการการประชุมสมัชชาใหญ่ APPCED ครั้งที่ 21 และการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างปฏิญญา โดยมี Insoon Nam สมาชิกรัฐสภาเกาหลี เป็นประธานคณะกรรมาธิการยกร่างปฏิญญา และผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ประเทศละ 1 คน เป็นกรรมการ
สำหรับในช่วงของการรายงานสถานการณ์ประเทศด้านสิ่งแวดล้อม มีผู้แทนรัฐสภาประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมนำเสนอทั้งสิ้น 13 ประเทศ โดยนำเสนอตามลำดับตัวอักษรรายชื่อประเทศ ทั้งนี้ นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ สมาชิกวุฒิสภา ผู้แทนรัฐสภาไทย ได้กล่าวรายงานสถานการณ์ของประเทศไทย ในหัวข้อ “การรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาที่ยั่งยืน” โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาที่ท้าทาย ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งประเทศไทยได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและได้มีการขับเคลื่อนการดำเนินงานผ่านนโยบาย แผนงาน และกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558 - 2593 แผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศปี พ.ศ. 2564 - 2573 และแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ พ.ศ 2561 - 2580 นอกจากนี้ ประเทศไทยจะเสนอยกระดับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกภายใต้การมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด NDC 3.0 ก่อนการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 30 (COP 30) โดยการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกแบบการเปรียบเทียบระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจริง (Absolute Emissions Reduction Target) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับที่สูงยิ่งขึ้นภายในปี 2578 ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการจำกัดอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามความตกลงปารีส นอกจากนี้ ประเทศไทยกำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำแผนปฏิบัติการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย (Thailand’s Adaptation Plan: TAAP) เพื่อนำเป้าหมายระดับชาติไปสู่การปฏิบัติระดับท้องถิ่น
ในส่วนของฝ่ายนิติบัญญัติมีบทบาทในการพิจารณาและตรากฎหมาย รวมทั้งการเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ร่างพระราชบัญญัติการจัดการอากาศสะอาด พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติการบริหารจัดการขยะและการหมุนเวียนทรัพยากร พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... เป็นต้น โดยนโยบาย แผนงาน และกฎหมายเหล่านี้เป็นเครื่องมือและกลไกสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม ที่มุ่งสู่การเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ รวมถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน อีกทั้งรัฐสภาไทยยังมีคณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องในด้านสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ศึกษาประเด็นเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ส่งเสริม รักษา และปกป้องคุณภาพของสิ่งแวดล้อม และกำกับดูแลการดำเนินงานและการใช้จ่ายงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล ในช่วงท้ายของรายงาน นายเกียรติชายฯ ได้กล่าวเชิญชวนสมาชิก APPCED ร่วมแบ่งปันความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อสร้างโอกาสที่เท่าเทียมกันให้ทุกประเทศสามารถมีส่วนร่วมในการปกป้องสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
สำนักองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ สผ.ข้อมูล/ภาพ
