14 ต.ค. 68 - นายกฯ รับหนังสือจากประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เรียกร้องยกเลิก MOU 43-44 เหตุกัมพูชาละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง กระทบอธิปไตยไทย ขัดหลักอนุสัญญากรุงเวียนนา พร้อมเสนอระงับการประชุมกลไกความร่วมมือชายแดนทุกระดับทั้ง JBC-GBC-RBC

image

            นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับหนังสือจากนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานกรรมการมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมคณะ ขอเรียกร้องรัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างไทย–กัมพูชา จำนวน 2 ฉบับ ได้แก่ MOU ปี 2543 ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก และ MOU ปี 2544 ว่าด้วยการเจรจาเขตแดนทางทะเลในอ่าวไทย โดยให้เหตุผลว่า ทั้งสองข้อตกลงดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปัญหากระทบต่ออธิปไตยของประเทศไทย และมีการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรงจากฝ่ายกัมพูชา จากเหตุการณ์ที่กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามาในพื้นที่ฝั่งไทย ระหว่างวันที่ 24–28 กรกฎาคม 2568 จนทำให้เกิดความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงโรงพยาบาลและบ้านเรือน ซึ่งถือเป็นการละเมิด ข้อ 3 และข้อ 5 ของ MOU ปี 2543 อย่างร้ายแรง ส่งผลให้ประเทศไทยสามารถอ้างสิทธิตาม มาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 เพื่อยกเลิกข้อตกลงได้ทันที โดยการยกเลิกดังกล่าวควรแสดงเจตนาอย่างชัดเจนของรัฐบาลไทยเพื่อรักษาสิทธิ ไม่ควรแสดงความลังเลหรือกระทำการใด ๆ ที่ตีความได้ว่าเป็นการยอมรับสถานะของ MOU เดิม จึงขอให้รัฐบาลประกาศยกเลิก MOU ปี 2543 โดยทันที และแจ้งต่อรัฐบาลกัมพูชาตามมาตรา 65 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายใน 8 เดือนข้างหน้า พร้อมขอให้ระงับการประชุมในกลไกระดับทวิภาคีความร่วมมือไทย-กัมพูชา ด้านชายแดน ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission : JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC)ไว้ก่อน จนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติยืนยันอย่างเป็นทางการ

             นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนในกรณี MOU ปี 2544 ที่เกี่ยวข้องกับเขตแดนทางทะเลในอ่าวไทย การเจรจาไม่คืบหน้าเป็นเวลานานกว่า 24 ปี และยังมีปัญหาการอ้างสิทธิเกินจริงของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่หลักเขตที่ 73 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งเขตทางทะเล ทำให้เกิดความทับซ้อนของพื้นที่ไหล่ทวีปและขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงขัดประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทย ด้านอ่าวไทย ลงวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 มูลนิธิฯ จึงเห็นว่า MOU ปี 2544 เป็นเพียงข้อตกลงชั่วคราวที่ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง จึงควรยกเลิกตามหลักการของ มาตรา 56 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969 ทันที และให้มีผลบังคับใช้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า ตามหลักการของมาตรา 56 ของอนุสัญญากรุงเวียนนา ว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 

             นายปานเทพ ย้ำว่า การดำเนินการยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ จะเป็นการรักษาอธิปไตยและสิทธิของประเทศไทยให้เป็นไปตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีใช้ดุลยพินิจและอำนาจตามรัฐธรรมนูญ เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติอย่างรอบด้าน ขณะที่นายกรัฐมนตรี ภายหลังการรับหนังสือ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเพิ่มเติม เพียงแต่ระบุว่า ขอดูรายละเอียดก่อน จากนั้น ได้เดินเข้าห้องประชุมเพื่อประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาร่างแก้ไข รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับที่เสนอโดย พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ