การประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ ได้แก่ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 156 เพิ่มเติมกรณีที่รัฐสภาต้องมีการประชุมร่วมกันและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ตามที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับคณะ สส.พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอ) / ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 หลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ สส.พรรคภูมิใจไทย เป็นผู้เสนอ และร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 156 เพิ่มเติมกรณีที่รัฐสภาต้องมีการประชุมร่วมกันและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) ตามที่รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล กับคณะ สส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ
โดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติม โดยเสนอให้เพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้รัฐสภาดำเนินการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยกลไกที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สืบเนื่องจาก รัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย และมีบทบัญญัติหลายประการที่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย ส่งผลให้เกิดวิกฤต 3 ด้าน ได้แก่ วิกฤตประชาธิปไตยถดถอยจนอำนาจตกอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญ วิกฤตนโยบายล้าหลังเพราะรัฐบาลต้องรับมือคณะนักร้องมืออาชีพมากกว่าผลักดันนโยบาย และวิกฤตการทุจริตเรื้อรัง สำหรับกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญตามร่างที่เสนอ ประกอบด้วย คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน มาจากการที่ประชาชนเลือกตั้ง 70 คน โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อ ผู้สมัครสมัครเป็นทีม ทีมละ 17-70 คน ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง จากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน โดยแบ่งสัดส่วนตามกลุ่มการเมืองต่างๆ กำหนดให้สมาชิกรัฐสภา 20 คน มีสิทธิ์เสนอชื่อกรรมาธิการได้ 1 คน และสภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 100 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ใช้ระบบแบ่งเขต ผู้สมัครสมัครเป็นรายบุคคล ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง จังหวัดละ 1-5 คน ตามจำนวนประชากร โดยกำหนดกรอบเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ 9 ข้อตามมาตรา 256 โดยคงรูปแบบรัฐเดี่ยวและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ร่างต้องผ่านประชามติ 2 ครั้งจึงใช้บังคับได้
ด้าน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะตัวแทนพรรคภูมิใจไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นผู้เสนอ ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยระบุว่า มาตรา 256 เดิมกำหนดหลักเกณฑ์และจำนวนคะแนนเสียงที่ไม่เหมาะสมกับสัดส่วนของสมาชิกสภา ทำให้เกิดอุปสรรคและไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ การเสนอครั้งนี้เป็นไปตามเงื่อนไขใน MOA ที่ตกลงไว้กับพรรคประชาชน และเป็นการปลดล็อกประชาธิปไตยที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารที่ผ่านมา โดยพรรคภูมิใจไทย ยืนยันหลักการสำคัญ 4 ประการ คือ เป็นกติกาที่เข้าใจง่าย ทำได้จริง ไม่นำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมรอบใหม่ และไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยได้ปรับร่างเดิมเพื่อเคารพคำวินิจฉัยที่ระบุว่ารัฐสภามีอำนาจริเริ่มจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ แต่ไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง พร้อมทั้งระบุชัดเจนว่าการแก้ไขหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ จะกระทำมิได้ ซึ่งประกอบด้วย 23 มาตรา กำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ 99 คน มาจากการเลือกโดยอ้อมของสมาชิกรัฐสภา 700 คน ประกอบด้วย ตัวแทนจาก 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และผู้เชี่ยวชาญ 22 คน แบ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน 7 คน ด้านรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ 7 คน และผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองและบริหารราชการแผ่นดิน 8 คน เมื่อคณะกรรมการยกร่าง 45 คน ประกอบด้วยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 30 คน และบุคคลภายนอก 15 คน ยกร่างเสร็จแล้ว จะเสนอเข้าสู่สภาร่างรัฐธรรมนูญ จากนั้นเสนอต่อรัฐสภาพิจารณา 3 วาระ ก่อนนำไปทำประชามติ โดยรูปแบบนี้เคยใช้ในการจัดทำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 และประสบความสำเร็จ
ขณะที่ รองศาสตราจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯ แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 156 เพิ่มเติมกรณีที่รัฐสภาต้องมีการประชุมร่วมกันและเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยระบุว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่กลับมีข้อบกพร่องและมาตรการที่เกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะมาตรการลงโทษนักการเมืองที่ขาดความชัดเจน เช่น การให้ศาลลงมติด้วยเสียงฉิวเฉียดถอดถอนนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งได้/ การสืบทอดอำนาจให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยกำหนดให้นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร/ การตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และบทบัญญัติเกี่ยวกับการครอบงำพรรคการเมือง พร้อมยืนยันว่าร่างแก้ไขเพิ่มเติมดำเนินการตามหมวด 15 มาตรา 256 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 28/2568 โดยไม่ได้มีการแก้ไขมาตรา 256 และกำหนดให้มีการทำประชามติ 3 ครั้ง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยสามารถรวมประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เข้าด้วยกันได้ หลังร่างผ่าน 3 วาระในรัฐสภา จะมีการทำประชามติ 2 คำถามพร้อมกัน คือ เห็นชอบกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเห็นชอบกับวิธีการและสาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติม หรือไม่ สำหรับโครงสร้างของ ส.ส.ร.ประกอบด้วยสมาชิก 151 คน โดยให้ประชาชนเลือกผู้สมัคร 300 คน จากนั้นรัฐสภาเลือกให้เหลือ 100 คน โดยมีหลักประกันว่าอย่างน้อยต้องมีจังหวัดละ 1 คน และอีก 51 คนมาจากการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ อาทิ รัฐสภาเลือก องค์กรเอกชน และสภาวิชาชีพ รวมทั้งยืนยันพรรคเพื่อไทย ไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 โดยมาตรา 255 ครอบคลุมแล้ว พร้อมย้ำอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญเป็นของรัฐสภา หากไม่เห็นชอบร่างจากสภาร่างรัฐธรรมนูญ ร่างจะตกไป
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง