นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (14 ต.ค.68) ณ อาคารรัฐสภา ว่า ที่ประชุม ครม. พิจารณาวาระทั้งหมด 48 เรื่อง โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ขอบคุณ ครม. ทุกคนที่ได้ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังประชาชนผู้ประสบอุทกภัย (น้ำท่วม) ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในช่วงตลอดเวลาที่ผ่านมา พร้อมมีข้อสั่งการถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสมธารณภัย (ปภ.) ในเรื่องเงินเยียวยา ตามที่เดิมคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ได้ในสัปดาห์นี้ แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน จึงกำชับว่าในสัปดาห์หน้า ปภ. ต้องเสนอเรื่องเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม เข้าสู่การพิจารณาที่ประชุม ครม. ให้แล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเรื่องการให้ ครม. เฝ้าติดตามสถานการณ์การเจรจาภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า ขณะนี้กระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจะต้องมีการขับเคลื่อนเพื่อให้เป็นไปตามกรอบและได้ภาษีตอบโต้ในอัตรา 19% โดยแต่งตั้งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นหัวหน้าคณะทำงานในการเจรจา ร่วมกับ 6 กระทรวงหลัก ขณะเดียวกัน สถานการณ์ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา ยังเป็นหนึ่งในข้อต่อรองที่สหรัฐฯ ได้มาพูดคุยกับรัฐบาลไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ตอบกลับไปอย่างชัดเจนถึงการยืนยันใน 4 เรื่อง ก่อนกลับเข้าสู่การเจรจากับกัมพูชา ได้แก่ เรื่องแรก คือ กัมพูชาต้องถอนกำลัง เรื่องที่สอง คือ การปลดกู้ทุ่นระเบิด เรื่องที่สาม คือ การปราบสแกมเมอร์ และเรื่องที่สี่ คือ กัมพูชาต้องมีท่าทีที่ชัดเจนต่อประชาชนของกัมพูชาที่มารุกล้ำแผ่นดินไทย นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงความห่วงใยถึงสถานการณ์ข้อพิพาทชายแดนไทย - กัมพูชา โดยสั่งการให้คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณาเพิ่มเติมในเรื่องการอุดหนุนเงินเยียวยาให้แก่ผู้อพยพ ตามที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้มีมติ ครม. จัดสรรเงินเยียวยาให้แก่ผู้อพยพในพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา เพียงครั้งเดียว ทั้งที่ในความเป็นจริงมีการอพยพหลายครั้ง ด้วยการปรับปรุงและทบทวนเกณฑ์ใหม่สำหรับการอุดหนุนเงินเยียวยาให้แก่ผู้อพยพ
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่าที่ประชุมครม. ในวันนี้ได้มีมติเห็นชอบในหลายเรื่องสำคัญ อาทิ ครม.ได้มีมติเห็นชอบงบกลาง 455.962 ล้านบาทเพื่อจัดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และจัดกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้เสนอ และเห็นชอบงบกลาง จำนวน 264 ล้านบาทให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จัดรายการการแข่งขัน World Capital Marathon Series ในชื่อ Amazing Thailand Marathon Bangkok ซึ่งเชื่อว่ากิจกรรมดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้กับประเทศไทยได้ ขณะเดียวกัน ครม. ได้มีมติเห็นชอบกรอบและงบลงทุนสำหรับรัฐวิสาหกิจในปี 2569 ภายใต้กรอบวงเงินประมาณ 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งทางสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้นำเสนอข้อมูลว่าเงินลงทุนก้อนดังกล่าวจะสามารถ กระตุ้นเศรษฐกิจ และ GDP ได้ประมาณ 0.3% พร้อมกันนี้ ครม. ได้มีความเห็นเพิ่มเติมมอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจไปให้นโยบายและให้รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ปรับปรุงระเบียบที่ยังเป็นภาระและอุปสรรคต่อการบริการประชาชน ด้วยการเปลี่ยนรูปแบบในการบริการประชาชนให้เป็นแบบ Customer Centric ให้เรียบร้อยและแล้วเสร็จโดยเร็ว นอกจากนี้ ครม. ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการการวางนโยบายปี 2570 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำหนดมอบนโยบายในวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ ในกรอบเดิมที่ได้มีการอนุมัติไปแล้ว ตามที่รัฐบาลชุดนี้กำหนดการยุบสภาในเดือนมกราคม 2569 จะทำให้งบประมาณปี 70 เกิดความล่าช้าจากการเปลี่ยนรัฐบาลชุดใหม่ นายกรัฐมนตรีจึงได้มีข้อสั่งการว่าเห็นชอบในหลักการ แต่ให้ไปปรับระยะเวลาของกรอบงบปี 70 ภายหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่แล้วว่าพยายามทำให้ทันกรอบงบปี 70 เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า ซึ่งทางสำนักงบประมาณได้รับไปพิจารณา
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ในวันนี้ ยังได้มีมติเห็นชอบแต่งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน 2 คน คือ นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ และ นางสาวลลิตา เพริศวิวัฒนา พร้อมมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทย จำนวน 45 คน ด้วย โดยการแต่งตั้งครั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้ให้แนวทางกับปลัดกระทรวงมหาดไทยในการเสนอรายชื่อว่าให้ยึดหลักการแรก คือ คืนความเป็นธรรมให้กับผู้ที่อาจจะถูกกลั่นแกล้งจากการ การแต่งตั้งโยกย้ายจำนวน 3 ครั้งที่ผ่านเมื่อช่วง 2 เดือนที่แล้ว หลักการที่สอง คือ ใช้คนให้ถูกกับงาน และหลักการที่สาม คือ หลักคุณธรรม นอกจากนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวฝากติดตามการประชุม ครม. เศรษฐกิจ ว่า วันพรุ่งนี้จะมีการประชุม ในเวลา 10.00 น. ณ อาคารรัฐสภา โดยกระทรวงการคลัง จะมีการนำเสนอ Road Map และ Action Plan ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการคลังมีความคาดหวังว่าทุกกระทรวงจะมีการทำ Road Map และ Action Plan ในระยะเวลา 4 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ด้วย
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง