14 ต.ค.68- สว.นรเศรษฐ์ จี้รัฐสภาโหวตรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ หวังคืนอำนาจให้ประชาชน เปิดทางตั้ง ส.ส.ร. กำหนดกติกา ออกแบบอนาคตประเทศไทย

image

        นายนรเศรษฐ์  ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะสมาชิกรัฐสภา กล่าวอภิปรายในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่มีวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 3 ฉบับ ในวาระรับหลักการ ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศทั่วโลกที่มีรัฐธรรมนูญมาแล้วมากกว่า 20 ฉบับ และไม่มีประเทศใดใน 5 ประเทศนี้ที่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญมากมายขนาดนี้ คือ ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงในการกำหนดกติกาสูงสุดของประเทศส่งผลให้รัฐธรรมนูญกลายเป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจเท่านั้น ไม่ใช่กติกาที่ร่วมกันร่างโดยประชาชนทั้งประเทศ

        นายนรเศรษฐ์ กล่าวถึงรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ซึ่งเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ว่า เป็นผลจากกระแสประชาธิปไตยที่เบ่งบานในหลายภาคส่วน รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถูกเรียกขานว่า “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แม้ประชาชนจะไม่ได้เลือก ส.ส.ร. โดยตรง แต่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นและการรณรงค์อย่างกว้างขวางทำให้คนไทยรู้สึกว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นของตนเอง แต่ภายหลังจากเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549 ประเทศไทยได้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นฉบับแรกที่ผ่านการทำประชามติ แต่มีข้อสังเกตว่า เป็นประชามติที่ประชาชนไม่มีทางเลือก เนื่องจากกระบวนการทั้งหมดถูกควบคุมโดยคณะรัฐประหาร และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยประชาชนไม่ได้รับการอธิบายว่าหากไม่รับร่างแล้วประเทศจะเดินหน้าอย่างไร มีเพียงการโฆษณาชวนเชื่อและการบีบบังคับให้สังคมต้องจำยอม เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมของคณะรัฐประหาร แม้จะอ้างว่าผ่านประชามติ แต่ก็เป็นการทำประชามติภายใต้บรรยากาศของความกลัว และมีข้อกังขามากมาย เช่น การจับกุมประชาชนที่คัดค้าน การควบคุมสื่อ และการห้ามจัดเวทีสาธารณะ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความตื่นรู้ของประชาชนได้ และนับตั้งแต่ปี 2563 มีประชาชนออกมาเรียกร้องให้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญที่นำมาสู่การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับในปัจจุบัน

        นายนรเศรษฐ์ กล่าวด้วยว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับในวันนี้ (14 ต.ค.68) ไม่ใช่แค่การถกเถียงทางเทคนิคข้อกฎหมายเท่านั้น แต่เป็นการเลือกเส้นทางอนาคตของประเทศ รวมทั้งการทำประชามติต้องเป็นกระบวนการที่ประชาชนมีเสรีภาพในการรับรู้และตัดสินใจ มีพื้นที่ให้ถกเถียงและแสดงความคิดเห็นโดยไม่หวาดกลัว เปิดพื้นที่ให้คนทุกกลุ่ม ได้ส่งเสียงในกติกาที่กำหนดชีวิตของพวกเขาเอง และเป็นสัญลักษณ์ของการ คืนอำนาจให้ประชาชน ตนขอเชิญชวนให้สมาชิกรัฐสภาทุกคน ให้โหวตรับหลักการแห่งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับ เพื่อให้เข้าสู่การพิจารณาของชั้นกรรมาธิการ และเปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้ร่วมกันกลั่นกรอง ปรับปรุง และออกแบบอนาคตของประเทศไปด้วยกัน การโหวตครั้งนี้เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน เพราะอำนาจอธิปไตยไม่ได้อยู่ในมือของคณะใด แต่อยู่ในหัวใจของประชาชนทุกคน

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ