นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง รับหนังสือจากนายแพทย์นิยม วิวรรธนดิฐกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) จังหวัดแพร่ พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ สส.ภาคเหนือ พรรคเพื่อไทย เพื่อขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเกษตรกรในหลายจังหวัด
นายแพทย์นิยม กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกข้าวเหนียวประมาณ 14 ล้านไร่ โดยอยู่ในภาคเหนือ 2.6 ล้านไร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11.6 ล้านไร่ มีผลผลิตรวมราว 6.7 ล้านตันต่อปี ส่วนใหญ่ใช้บริโภคภายในประเทศ อีกส่วนหนึ่งแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและสุราชุมชน อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวที่ผลผลิตข้าวเหนียวออกสู่ตลาดมาก แต่ราคากลับตกต่ำอย่างหนัก โดยข้าวเหนียวที่มีความชื้น 25% มีราคาขายไม่ถึง 7 บาทต่อกิโลกรัม ราคาเฉลี่ยอยู่เพียง 6.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรประสบภาวะขาดทุน ก่อนหน้านี้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเหนียวในจังหวัดแพร่ได้รวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการพยุงราคารับซื้อ และชดเชยรายได้ให้เกษตรกร พร้อมทั้งขอให้ภาครัฐกำกับดูแลพ่อค้าคนกลางให้รับซื้อผลผลิตอย่างเป็นธรรม
นายแพทย์นิยม กล่าวต่อว่า นอกจากปัญหาราคาข้าวเหนียวตกต่ำแล้ว เกษตรกรภาคเหนือยังได้รับผลกระทบจากราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ตกต่ำเช่นกัน ทั้งที่ในปัจจุบันตลาดยังมีความต้องการสูง แต่ราคากลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกษตรกรอยู่ไม่ได้ ผลผลิตต่อไร่ลดลง ขณะที่ต้นทุน เช่น ปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ ยังคงสูง โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือ โรงงานอาหารสัตว์ตั้งราคารับซื้อเริ่มต้นเพียง 9.20 บาทต่อกิโลกรัม แต่เกษตรกรกลับขายได้จริงเพียง 5 บาทต่อกิโลกรัม จึงเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เร่งเข้าไปดูแล และกำหนดมาตรการพยุงราคาข้าวเหนียวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้เหมาะสม เพื่อให้เกษตรกรสามารถดำรงชีพได้อย่างยั่งยืน ย้ำว่า หากไม่เร่งออกมาตรการในช่วงนี้ สินค้าเกษตรสำคัญทั้งข้าวเหนียวและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อาจสูญหายไปจากตลาดตามฤดูกาล ซึ่งจะกระทบต่อทั้งเกษตรกรและห่วงโซ่อาหารในประเทศโดยรวม
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง