24 ต.ค.68 - นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เข้าหารือกกต.ถึงแนวทางจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญและการยกเลิก MOU 2543–2544 ในวันเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป กกต.เผยยังอยู่ขั้นหารือเบื้องต้น ย้ำหากจัดพร้อมกันต้องบริหารจัดการอย่างรัดกุม คาดใช้งบกว่า 9,000 ล้านบาท

image

         นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี  และคณะ ร่วมหารือกับ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในประเด็น แนวทางการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และการยกเลิกบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา MOU 2543 และ MOU 2544 ในวันลงคะแนนเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป

        โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. เปิดเผยว่า เป็นการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการออกเสียงประชามติในวันเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไป โดยเป็นการหารือเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน งบประมาณ การกำหนดวัน และปัจจัยการจัดทำประชามติว่าขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง แต่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียดว่าจะต้องตัดสินใจอย่างไร

        ขณะที่ เรื่องบัตรเลือกตั้งนั้น เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป ว่าจะมีบัตรเลือกตั้งสองใบ สำหรับสส.แบบแบ่งเขต และสส.แบบบัญชีรายชื่อ ส่วนบัตรที่จะใช้ในการทำประชามติ ในขณะนี้วางแผนไว้ว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ แก้ไขเปลี่ยนแปลง หรือ ยกเลิก MOU 2543-2544 จะมีบัตรประมาณ 4 ใบ ซึ่งหากมีการออกเสียงในวันเดียวกันจะมีบัตรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ฉะนั้นต้องมีการบริหารจัดการให้มั่นใจที่สุด เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ผู้มีสิทธิ์ออกเสียง รวมถึงเจ้าที่ปฏิบัติหน้าที่ที่หน่วยจะได้ไม่มีความสับสน ซึ่งหลังจากนี้ต้องไปลงรายละเอียด เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างดีที่สุด พร้อมย้ำว่า กกต. พร้อมปฏิบัติตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศ เพราะเป็นหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว

        ส่วนเรื่องการนับคะแนน ขณะนี้ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด ว่าจะต้องนับการเลือกตั้งทั่วไป หรือประชามติก่อน ซึ่งเป็นประเด็นที่จะต้องพูดคุยกันต่อ ขณะที่งบประมาณในการดำเนินการ หากมีการจัดการเลือกตั้งพร้อมกันจะใช้งบประมาณกว่า 9,000 ล้านบาท แต่หากจัดเลือกตั้งแยกกันจะใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าจะมีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 53 ล้านคน ฉะนั้นหากทำประชามติพร้อมกันจะคุ้มค่ากว่า

        นอกจากนี้ ประธานกกต. ยังระบุว่า พ.ร.บ.ประชามติฯ ฉบับใหม่ มีผลบังคับใช้กำหนดให้มีการออกเสียงประชามติได้นอกราชอาณาจักรได้เป็นการครั้งแรก ดังนั้นในครั้งนี้จะต้องมีการออกเสียงประชามตินอกราชอาณาจักรด้วย

        ด้าน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข้อกังวลเรื่องการทำประชามติยกเลิก MOU 2543-2544
ด้วย ว่า เรื่องนี้อยู่ในนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาแล้ว ส่วนจะมีความชัดเจนเมื่อใดนั้น รัฐบาลต้องหารือร่วมกันกับ กกต. แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะอย่างช้า  31 มกราคม 2569 จะต้องมีการยุบสภา

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ