17 พ.ย.68-ดร.ชาญวิทย์ อดีต สว. ถอดรหัส “หมอนทองวิทยา” เดินหน้าพัฒนาโค้ชฟุตบอลรากหญ้าทั่วประเทศ หวังสร้างนักกีฬาทักษะสูงเข้าสู่ระบบอาชีพ พร้อมพัฒนา “BigData” นักกีฬาฟุตบอลเฟ้นหาเยาวชนดาวรุ่งมุ่งสู่เวทีโลก

image

        ดร.ชาญวิทย์  ผลชีวิน อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมาธิการเพื่อประชาชน เรื่อง ถอดบทเรียน ปรากฎการณ์บอลแชมป์ 7 สี แนวทางการพัฒนารากหญ้าสู่ฝันฟุตบอลโลกออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภา ระบบ FM 87.5 MHz. และระบบ AM 1071 KHz. ว่า จากกระแสเรื่องราวของทีมฟุตบอล 7 คนของโรงเรียนหมอนทองวิทยา ภายใต้การนำของอาจารย์สกล  เกลี้ยงประเสริฐ ซึ่งมีปรัชญาการทำทีมเพื่อไปปราบทีมใหญ่ โดยเฉพาะภาพลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของการขับรถสองแถวมาจอดเทียบกับรถบัสของทีมคู่แข่ง นั้นสะท้อนถึงอารมณ์ของกองเชียร์ไทยมักชื่นชอบเรื่องราวของเด็กยากจนที่มีฝีเท้าและได้มาล้มทีมใหญ่ นอกจากนี้ รูปแบบฟุตบอล 7 คน ยังสนุกและน่าติดตาม เนื่องจากเน้นการใช้ทักษะความสามารถเฉพาะตัว และความรวดเร็วในการทำประตู

        ดร.ชาญวิทย์ กล่าวด้วยว่า สมาคมฯ ยึดปรัชญาหลัก คือ “วันนี้สร้างโค้ช พรุ่งนี้โค้ชสร้างเกมฟุตบอล” โดยการพัฒนาบุคลากร คือ หัวใจสำคัญ ปัจจุบันมีโรงเรียนสอนฟุตบอลหรืออะคาเดมี่กว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ แต่มีเพียง 200 แห่งเท่านั้นที่ได้มาตรฐาน สมาคมฯ จึงมุ่งยกระดับโค้ชตามหลักสากล (C, B, A, Pro License) ที่สำคัญที่สุด คือ การขยายฐานไปสู่ “โค้ชรากหญ้า” (Grassroots) โดยมีเป้าหมายสร้างโค้ชให้ได้หลักหมื่นคน ล่าสุดได้ร่วมมือกับกรมพลศึกษา จัดอบรมหลักสูตรแก่ครูอาจารย์ทั่วประเทศ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเชื่อว่าโค้ชที่ดีเพียงคนเดียวสามารถหล่อหลอมเยาวชนได้เป็นร้อยเป็นพันคน เพื่อให้เด็กอยู่ใน “เบ้าหลอม” ที่เหมาะสม ก่อนก้าวสู่ความเป็นเลิศในอนาคต

        อุปนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่าความท้าทายในการค้นหานักกีฬาที่มีทักษะสูง ว่า สมาคมฯ ได้มีการสร้างระบบ "บิ๊กดาต้า" (Big Data) เพื่อเก็บข้อมูลรายชื่อและสถิตินักเตะเยาวชนจากทุกแหล่งเข้าสู่ศูนย์กลาง ฐานข้อมูลนี้จะรวบรวมข้อมูลตั้งแต่การคัดเลือกใน 10 ภาคของโครงการ TID (Talent Identification) ซึ่งเป็นแหล่งนักเตะเยาวชนทีมชาติกว่า 90%, ข้อมูลจากกรมพละศึกษา อะคาเดมี่ การกีฬาแห่งชาติ และแม้กระทั่งฟุตบอลเดินสาย ระบบจะติดตามความก้าวหน้าของนักเตะอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รุ่น U16 ไปจนถึงชุดใหญ่ เพื่อให้มั่นใจว่านักเตะที่มีแววทุกคนจะถูกดึงเข้าสู่ระบบการพัฒนาได้อย่างถูกจุด

        ดร.ชาญวิทย์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ มีจำนวนมากเกินไป จนทำให้เกิดปัญหาการแข่งขันชนกัน ส่งผลกระทบต่อเวลาเรียนและการฝึกซ้อมแทคติกใหม่ ๆ ของเด็ก ด้วยเหตุนี้ สมาคมกีฬาฯ จึงต้องรับบทบาทเป็น “ศูนย์กลาง” ในการปรับตารางการแข่งขัน (Timing) ประจำปีให้สอดคล้อง ไม่ให้รายการต่างๆ ชนกัน เพื่อให้เด็กได้มีเวลาพักผ่อนและพัฒนาตนเองอย่างมีคุณภาพ ดังนั้น การพัฒนากีฬาฟุตบอลไทยในระดับเยาวชนในเวลานี้จึงเปรียบเสมือนการสร้าง “ต้นไม้ใหญ่” ที่ต้องการรากแก้วที่แข็งแรงและหยั่งลึก การสร้างโค้ชและฐานข้อมูลคือการบำรุงดินและน้ำเพื่อให้แน่ใจว่าราก หรือนักเตะเยาวชน จะเติบโตอย่างมีคุณภาพและถูกดึงเข้าสู่ระบบ หรือลำต้นและกิ่งก้าน ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมาย คือ การก้าวเข้าสู่เวทีระดับโลก

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ