นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมกรรมาธิการฯว่า ในช่วงเช้าของการประชุมเป็นการตามต่อกรณีที่มีการกำหนดนัดล่วงหน้าไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว คือ กรณีสแกมเมอร์ ซึ่งกรรมาธิการฯ ให้ความสำคัญในประเด็นการฟอกเงินผ่านบริษัทหนึ่งซึ่งอาจเชื่อมโยงกับลูกพี่ลูกน้องของ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ บริษัทฮุ่ยวัน กรุ๊ป อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าฝ่ายปฏิบัติเริ่มจับทางการทำงานได้แล้ว และคิดว่าใกล้มากขึ้นในการทลายผู้ที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน และหวังว่าใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าจะมีความชัดเจนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยจะมีการพิจารณาเรื่องนี้ต่อในวันที่ 11 ธ.ค. นี้ หลังผ่านเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม ส่วนจะสาวไปถึงตัวใหญ่ของขบวนการสแกมเมอร์ทั้งในส่วนฝ่ายไทยและกัมพูชาได้หรือไม่ ระบุว่าอาจจะต้องเริ่มจากการเจาะไปที่ ฮุ่ยวัน ซึ่งตอนนี้คิดว่าหน่วยงานเริ่มเข้าใจในการทำงานแล้วหลังจากที่พูดคุยกันมาอย่างเนิ่นนาน จึงคิดว่ามีทิศทางที่ดี แต่ยังขาดเรื่องการลงมือปฏิบัติ สิ่งที่ต้องทำคือมีผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับขบวนการของฮุ่ยวันด้วย จึงเป็นเรื่องที่ต้องนำทุกอย่างมาสอดประสานเพื่อหาความเชื่อมโยงกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาทั้งระบบ กวาดล้างอาชญากรรมไซเบอร์ให้สิ้นซาก
ส่วนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ กรรมาธิการฯ ได้เชิญหลายหน่วยงานทั้งฝ่ายของตำรวจและฝ่ายการเมือง มาชี้แจง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกรัฐมนตรี และฝั่งผู้ร้อง แต่ฝ่ายตำรวจทำหนังสือแจ้งกลับไม่เข้าร่วมประชุม ทั้งที่การประชุมครั้งล่าสุดฝ่ายตำรวจแจ้งว่าไม่พร้อมชี้แจง จึงนำมาสู่การนัดหมายในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อให้ตำรวจมีเวลาเตรียมข้อมูล เพราะการชี้แจงต่อกรรมาธิการฯ เป็นโอกาสที่ตำรวจจะมีโอกาสหลุดพ้นจากข้อกล่าวหาเรื่องการรับส่วย แต่เมื่อพร้อมใจกันไม่มาประชุม ตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการชี้แจง
ทั้งนี้ กรรมาธิการฯ จะรวบรวมข้อมูลทุกอย่าง ย้ำว่า กรรมาธิการฯ ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย โดยไม่เข้าข้างใครทั้งสิ้นและจะทำทุกอย่างให้เกิดความโปร่งใส
อรพรรณ ขันทองคำข่าว/เรียบเรียง
