27 พ.ย. 68 - รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ปาฐกถาพิเศษ พลังงานสะอาดกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ย้ำพลังงานสะอาดต้องเดินคู่กฎหมายอากาศสะอาด ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของเศรษฐกิจยุคใหม่ดึงดูดการลงทุน แนะต้องเดินควบคู่การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและ PM 2.5 อย่างจริงจัง

image

            นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ปาฐกถาพิเศษเรื่องการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจไทยกับการส่งเสริมเทคโนโลยีพลังงานสะอาด ในงานเสวนาหัวข้อ พลังงานสะอาดกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย จัดขึ้นโดย ภาคเอกชน บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพมหานคร มีใจความว่าการส่งเสริมเทคโนโลยี พลังงานสะอาดไม่จำกัดอยู่เพียงมิติสิ่งแวดล้อม แต่เป็นแกนยุทธศาสตร์สำคัญของเศรษฐกิจสมัยใหม่ ที่ส่งผลต่อการดึงดูดการลงทุนคุณภาพ สร้างอุตสาหกรรมใหม่ และยกระดับความสามารถแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ยานยนต์ไฟฟ้า และระบบกักเก็บพลังงานขั้นสูง พร้อมย้ำว่าประเทศไทยยังต้องเผชิญความท้าทายจาก PM 2.5 ซึ่งส่งกระทบต่อระบบสาธารณสุข เศรษฐกิจ และภาพลักษณ์การลงทุนของไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมลพิษจากการจราจร ภาคการผลิต การเผา และมลพิษข้ามแดน ขณะที่ในมิติของการแก้ไขเชิงโครงสร้าง สภาผู้แทนราษฎรเคยมีมติรับหลักการร่างกฎหมายอากาศสะอาด 7 ฉบับ ในวาระที่ 1 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2567 ก่อนจะพัฒนาเป็นร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. .... ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาวาระสำคัญของวุฒิสภา ทั้งนี้การผลักดันกฎหมายฉบับนี้อย่างจริงจัง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐและรัฐสภาในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการส่งเสริมพลังงานสะอาด อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านทั้งด้านพลังงานและด้านอากาศที่บริสุทธิ์ต้องอาศัยพลังร่วมจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัยนวัตกรรม สถาบันการศึกษา และประชาชน ในส่วนของพลังงานสะอาดนั้น หนึ่งในก้าวสำคัญคือความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นผู้นำระดับโลกด้านยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี ระบบกักเก็บพลังงาน และโซลาร์เทคโนโลยี ความร่วมมือนี้เป็นการพัฒนาองค์ความรู้เทคโนโลยี และบุคลากร ซึ่งเป็นฐานสำคัญของการเติบโตในระยะยาว พร้อมชื่นชมต่อการจัดตั้งพันธมิตรอุตสาหกรรมพลังงานใหม่จะเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อร่วมกันผลักดันเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

            สำหรับงานสัมมนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมอย่างเหมาะสมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของไทย ความมั่นคงด้านพลังงานและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศ ตลอดจนการยกระดับอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งผู้ร่วมงานต่างแลกเปลี่ยนข้อเสนอเชิงนโยบาย หวังให้ไทยรักษาความเป็นศูนย์กลางการลงทุนในภูมิภาค และมุ่งสู่พลังงานและเศรษฐกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน

อรพรรณ ขันทองคำ /เรียบเรียง

สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ข้อมูล/ภาพ

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ