27 พ.ย. 68 - กมธ.พัฒนาสังคมฯ วุฒิสภา รณรงค์ยุติความรุนแรงในครอบครัว ดันแก้กฎหมายปกป้องกลุ่มเปราะบาง ย้ำเป็นภัยเงียบทวีความรุนแรงขึ้น สะท้อนความจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงกฎหมายให้ทันต่อสภาพสังคมปัจจุบัน เสริมมาตรการปกป้องกลุ่มเปราะบางต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

image

            นางสาววราภัสร์ ไพพรรณรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ด้อยโอกาส และความหลากหลายทางสังคม วุฒิสภา แถลงข่าวรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นภัยเงียบที่ฝังรากลึกในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน แม้ภาครัฐจะมีพัฒนาการด้านกฎหมายและมาตรการต่างๆ แต่สถานการณ์ปัจจุบันยังคงทวีความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงต่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และบุคคลในครอบครัว คณะกรรมาธิการพัฒนาสังคมฯ ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ และได้ติดตาม ตรวจสอบ ประสานงานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันให้เกิดมาตรการป้องกันคุ้มครอง และฟื้นฟูผู้ถูกกระทำฯ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ในด้านกฎหมายพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ซึ่งมีผลบังคับใช้มากว่า 18 ปี ได้มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุความรุนแรงในครอบครัว กำหนดกระบวนการสอบสวนและพิจารณาคดีโดยศาลเยาวชนและครอบครัวโดยตรง อย่างไรก็ตาม จากการติดตามการบังคับใช้กฎหมายพบว่า กฎหมายฉบับนี้ยังคง เน้นการประนีประนอมเพื่อให้ครอบครัวกลับมาอยู่ร่วมกันเป็นหลัก ส่งผลให้ผู้เสียหายต้องกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมมากกว่าการเน้นดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง นอกจากนี้ ยังพบข้อจำกัดและช่องว่างสำคัญในการบังคับใช้กฎหมาย เช่น การให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวมากกว่าการคุ้มครองผู้ถูกกระทำ การดำเนินคดีกับผู้กระทำที่ไม่เข้มงวดเพียงพอ การส่งเสริมให้ยอมความโดยขาดหลักประกันที่รัดกุม เป็นธรรม และคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ถูกกระทำ การให้บริการช่วยเหลือผู้เสียหายที่ยังไม่ครอบคลุมและไม่ต่อเนื่อง การขาดมาตรการดูแลกลุ่มผู้มีความเปราะบางอย่างเหมาะสม

            นางสาววราภัสร์ กล่าวต่อว่า ประเด็นเหล่านี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องเร่งพิจารณาปรับปรุงกฎหมายให้ทันต่อสถานการณ์ และให้การคุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่า ต้องสร้างสังคมที่ไม่ยอมรับความรุนแรงในทุกรูปแบบ และขอความร่วมมือประชาชนให้ตระหนักว่า การนิ่งเฉยอาจเป็นการปล่อยให้ความรุนแรงดำเนินต่อไปได้ และในบางกรณีถือเป็นความผิดตามกฎหมายด้วย จึงขอเรียกร้องอย่างนิ่งเฉยกับความรุนแรงทุกรูปแบบ หากพบเห็นการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ผู้พบเห็นมีหน้าที่แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือ และหากเห็นคนตกอยู่ในอันตรายที่สามารถช่วยได้ แต่ไม่ช่วย อาจเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 374 และหากมีความกลัวว่าจะได้รับอันตราย หรือผู้ก่อเหตุมีอาวุธหรือข่มขู่ ให้รีบแจ้ง 191 หรือสายด่วน 1300 ศูนย์ช่วยเหลือสังคมทันที เพราะการยุติความรุนแรงไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของทุกคน คณะกรรมาธิการฯ จะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ทุกคนในสังคมไทยมีความปลอดภัยในครอบครัวของตนเองอย่างแท้จริง 

             ทั้งนี้ เนื่องในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนแห่งการรณรงค์เพื่อยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมฯ จึงขอเชิญชวนทุกคนติดเข็มกลัดริบบิ้นสีขาว หรือ WHITE RIBBON ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากลที่ทุกประเทศทั่วโลกใช้ในการรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ตลอดเดือนพฤศจิกายนี้ 

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

 

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ