นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าววิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา ถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ว่า ปัญหาสำคัญในครั้งนี้สะท้อนถึงความผิดพลาดในการประเมินสถานการณ์ของภาครัฐ จากท่าทีของรัฐบาลที่เริ่มต้นด้วยการลงพื้นที่แล้วตัดสินใจกลับ ก่อนจะลงพื้นที่ไปอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าการประเมินสถานการณ์ในช่วงแรกอาจมองเบาเกินไป และยังสะท้อนปัญหาเรื่องข้อมูลข่าวสารที่ไม่ชัดเจน รวมถึงความไม่ต่อเนื่องในการบริหารจัดการน้ำ จากกรณีการย้ายตำแหน่งในหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ
นายเทวฤทธิ์ ระบุว่า ขณะนี้การแก้ปัญหาเร่งด่วนไม่ควรพุ่งไปที่เส้นทางน้ำหรือการอพยพเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อาหาร น้ำดื่ม และยารักษาโรค ที่ต้องเร่งส่งถึงมือประชาชนโดยเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง พร้อมยกข้อเสนอจากภาคประชาชนให้ใช้โดรนหรืออากาศยานส่งสิ่งของยังจุดที่เข้าถึงยาก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น แม้จะส่งถึงประชาชนได้เพียงบางส่วนแต่มองว่ายังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ส่วนในด้านการสื่อสาร นายเทวฤทธิ์ ชี้ว่า หน้างานจำนวนมากประสบปัญหาเสาสัญญาณล่ม ทำให้การประสานงานช่วยเหลือทำได้ยาก จึงเสนอให้เร่งดึงสัญญาณดาวเทียมเข้ามาใช้ เพื่อเชื่อมต่อการทำงานของหน่วยกู้ภัยและหน่วยแพทย์ รวมทั้งต้องแบ่งโซนพื้นที่ให้ชัดเจนว่า จุดใดต้องอพยพ และจุดใดสามารถส่งเสบียงเข้าไปช่วยเหลือได้ เนื่องจากสถานการณ์ฝนยังไม่แน่นอน แม้จะมีการประเมินว่าแนวโน้มน้ำอาจเริ่มดีขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีความน่ากังวลเรื่องการรักษาพยาบาลและระบบสาธารณสุข โดยขณะนี้เข้าใจว่าเหลือเพียงโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยและสามารถให้บริการได้ ส่วนโรงพยาบาลในพื้นที่อื่นประสบความยากลำบาก จึงจำเป็นต้องระดมบุคลากรทางการแพทย์เข้าไปเสริม และจัดตั้งโรงพยาบาลสนามควบคู่กัน อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้จำนวนมาก ซึ่งต้องนำไปชันสูตรพลิกศพตามกระบวนการโดยเร็ว
ต่อข้อถามถึงแนวทางระยะต่อไป หลังสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย นายเทวฤทธิ์ ระบุว่า ขณะนี้เป็นช่วงวัดใจทางการเมือง เนื่องจากมีประเด็นการยุบสภา หรือไม่ยุบสภา ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้งบประมาณและการเดินหน้าโครงการต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขทางการเมืองไม่ควรกลายเป็นอุปสรรคต่อการเยียวยาและฟื้นฟูประชาชน รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการทั้งด้านการรักษาพยาบาล การฟื้นฟูร่างกายและจิตใจผู้ประสบภัย ตลอดจนการจัดการซากดินและขยะจำนวนมากในพื้นที่ที่ต้องใช้งบประมาณสูง สำหรับการชดเชยเยียวยา นายเทวฤทธิ์ เห็นว่า ฐานการเยียวยา 9,000 บาท อาจใช้เป็นจุดตั้งต้นได้ แต่สำหรับหลายครอบครัวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากความเสียหายมีจำนวนมาก ทั้งต่อที่อยู่อาศัยและภาคธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในระยะยาว โดยรัฐบาลต้องสำรวจความเสียหายอย่างรอบด้าน และจัดสรรงบเยียวยาโดยไม่กระทบไทม์ไลน์การเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังกล่าวถึงสถานการณ์ในจังหวัดอื่น ๆ ของภาคใต้ว่า ขณะนี้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นเดียวกัน โดยตัวเมืองปัตตานีมีน้ำท่วมเป็นวงกว้าง รวมถึงจังหวัดสตูล อำเภอละงูที่มีพื้นที่น้ำท่วมแล้วกว่า 90% แม้สภาพพื้นที่และความหนาแน่นของประชากรจะแตกต่างกันกับเมืองหาดใหญ่ แต่การให้ความช่วยเหลือและการเยียวยาจะต้องยึดหลักความเสมอภาค
ณัฐเดช เอียดปุ่ม ข่าว/เรียบเรียง