27 พ.ย. 2568 –ประธาน กมธ.การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร ระบุสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดภาคใต้ครั้งนี้มีความรุนแรงเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะพื้นที่หาดใหญ่ จำเป็นต้องปฏิรูประบบป้องกันและรับมือภัยพิบัติใหม่ทั้งระบบ เตือนหลังน้ำลดปัญหาจะยิ่งหนัก ทั้งด้านความเสียหายและการเยียวยาประชาชน

image

        นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัยในภาคใต้ว่า เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงในระดับประวัติการณ์ ส่งผลกระทบครอบคลุมหลายจังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก ทั้งต่อชีวิต ทรัพย์สิน และระบบคมนาคม พร้อมย้ำว่ารัฐต้องนำเหตุการณ์ครั้งนี้มาถอดบทเรียนอย่างจริงจัง เพื่อปฏิรูประบบราชการและการเตรียมความพร้อมด้านการป้องกันภัยพิบัติอุทกภัยใหม่ทั้งหมด พร้อมระบุว่าในช่วงที่เกิดเหตุมีประชาชนจำนวนมากติดค้างในพื้นที่ ไม่สามารถเดินทางออกจากหาดใหญ่ได้ คณะกรรมาธิการเองต้องใช้รถทหารเดินทางออกจากพื้นที่ใช้เวลาหลายชั่วโมง ขณะเดียวกันจังหวัดกระบี่ได้เตรียมรถบัสไปรับประชาชนกลับภูมิลำเนาแล้ว

         นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวต่อว่า การบริหารจัดการน้ำในหาดใหญ่จำเป็นต้องพิจารณาเชิงโครงสร้าง เนื่องจากลักษณะพื้นที่เป็นแอ่งกระทะ การระบายน้ำมีข้อจำกัด เครื่องมือและกำลังในพื้นที่ไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องบูรณาการความร่วมมือจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 14 จังหวัดภาคใต้ รวมถึงภาคเอกชน พร้อมแบ่งโซนพื้นที่ช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ โดยปัจจุบันอุปสรรคสำคัญคือกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว เรือท้องแบนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ต้องใช้เรือหางยาวเข้าช่วยเหลือแทน นอกจากนี้ ยังพบปัญหาเหตุยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากต่างจังหวัด จนต้องถอนกำลังออกจากบางพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ จึงต้องขอให้แยกพฤติกรรมความรุนแรงดังกล่าวออกจากการทำงานของอาสาสมัครกู้ภัยที่เสียสละช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

        นายสฤษฏ์พงษ์ ระบุอีกว่าหลังน้ำลด สถานการณ์จะยิ่งทวีความรุนแรงในรูปแบบใหม่ ทั้งปัญหาโคลนตม ความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน ผู้เสียชีวิต รวมถึงการเยียวยาทางร่างกายและจิตใจ พร้อมระบุว่าได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในการเตรียมมาตรการช่วยเหลือแรงงานและประชาชนที่ได้รับผลกระทบแล้ว ทั้งนี้ ขอส่งกำลังใจให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายรัฐมนตรีลงพื้นที่ติดตามดูแลสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่าจำเป็นต้องตั้งโจทย์ใหม่ด้านการป้องกันภัยพิบัติ จัดสรรงบประมาณให้หน่วยกู้ภัยอย่างเพียงพอ และกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นมีบทบาทมากขึ้น ในตอนท้าย นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นบทเรียนสำคัญของประเทศ ทุกหน่วยงานต้องพัฒนาระบบพยากรณ์และแจ้งเตือนภัยให้แม่นยำ เสริมสร้างบุคลากรให้มีความพร้อม พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายและอาสากู้ชีพกู้ภัยจากทุกจังหวัดที่ทุ่มเทช่วยเหลือประชาชน และขอส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยดี

อัญชิสา ก่อกิจฤษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ