การประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ มลพิษและสิ่งแวดล้อม ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ครั้งที่ 23/2568 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CB 411 ชั้น 4 อาคารรัฐสภา ที่มี นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม ประธานคณะอนุ กมธ. เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อการป้องกัน การแก้ไขปัญหา และการฟื้นฟูอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พร้อมเชิญ คณะทำงานพัฒนาระบบบการบริหารจัดการภัยพิบัติและทรัพยากรธรรมชาติ ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. และเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูล ภายหลังการพิจารณาแล้วเสร็จ ได้ข้อสรุปถึงสาเหตุ ผลกระทบ และแนวทางรับมือสู่อนาคต ว่าเนื่องจากปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน สภาพภูมิศาสตร์ที่เป็นแอ่งกระทะ ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งเดิมเป็นป่าพรุ การพัฒนาเมืองที่ขวางทางน้ำ การขยายตัวของเมือง และปริมาณฝนที่เกินขีดจำกัด เกินกว่าขีดความสามารถของโครงสร้างพื้นฐานป้องกันน้ำท่วมหลักของเมืองที่ออกแบบไว้
ขณะเดียวกัน พบ 4 ปัญหาเชิงระบบที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน ได้แก่ ระบบการเตือนภัยที่ยังไม่ตอบโจทย์ การวางผังเมืองที่ละเลยความเสี่ยง การขาดแผนอพยพและการซักซ้อมในระดับพื้นพื้นที่ และช่องว่างในการประสานงานและสั่งการ พร้อมได้ข้อสรุปถึงแนวทางการพัฒนาระบบรับมือภัยพิบัติ ว่า ควรพัฒนาระบบบสนับสนุนการตัดสินใจ (SINGLE DSS) อนาคตมีแผนที่จะสร้างแพลตฟอร์มกลางเพื่อบูรณาการข้อมูล สสน. สทนช. และกรมอุตนิยมวิทยา ควรยกระดับแผนป้องกันและอพยพในระดับท้องถิ่น การอพยพยพแนวตั้ง ซักซ้อมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงบูรณาการข้อมูลเพื่อการวางผังเมือง นำข้อมูลน้ำท่วมเชิงลึกที่มีอยู่มาปรับปรุง และบังคับใช้ในกฎหมายผังเมือง ตลอดจน สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยและการสื่อสารที่เข้าถึงประชาชน ข้อความ CELL
BROADCAST เปลี่ยนจากการแจ้งเตือนทั่วไปเป็นคำสั่งที่ชัดเจนและและปฏิบัติได้ทันที โดยที่ประชุมคณะอนุ กมธ. ได้สรุปความเห็นว่า บทเรียนจากมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ทำให้ประเทศไทยต้องเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการจัดการภัยพิบัติ จากเดิมที่เน้นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปสู่การป้องกันและเตรียมพร้อมโดยใช้ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่การปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะอนุ กมธ. ได้มีการพิจารณาเตรียมการเดินทางไปศึกษางานของคณะอนุ กมธ. ภายหลังพิจารณาแล้วเสร็จ ที่ประชุมได้มีมติให้เดินทางไปศึกษาดูงานการจัดการแนวทางการขับเคลื่อนนครพนมเมืองคาร์บอนต่ำ การจัดการขยะในพื้นที่จังหวัดนครพนม การแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำโขง และการจัดการขยะมูลฝอยชุมชนของเทศบาลนครมุกดาหาร ระหว่างวันที่ 21-23 มกราคม 2569 ณ จังหวัดนครพนม และจังหวัดมุกดาหาร
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง