18 มี.ค. 67 - รองประธานวิปรัฐบาล ชม กมธ.งบฯ 67 พิจารณาเสร็จเร็วกว่ากำหนดถึง 2 สัปดาห์ นัดพิจารณาวาระ 2-3 สัปดาห์นี้ กำชับ สส.รัฐบาลรักษาองค์ประชุม ขณะไม่กังวลศึกซักฟอก ม.152 เชื่อรัฐบาลชี้แจงได้ทุกประเด็น  ไม่ห่วงถูกตั้งปม นายทักษิณ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ

image

            นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร(วิปรัฐบาล) พร้อมด้วยนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ปรึกษาวิปรัฐบาลกล่าวถึงการประชุมวิปรัฐบาลเพื่อเตรียมพร้อมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วาระที่ 2 และ 3 วันที่ 20-22 มี.ค. นี้ว่า วิปรัฐบาลได้หารือพรรคร่วมรัฐบาลถึงกรอบเวลาการอภิปรายว่าแต่ละพรรคจะใช้เวลาเท่าใด โดยในส่วนพรรคเพื่อไทยได้กำหนดว่าบุคคลผู้แปรญัตติไม่ควรอภิปรายเกิน 3 หัวข้อ เนื่องจากเวลามีค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ ตนขอชื่อชมคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ ได้อย่างรวดเร็ว ย่นเวลาลงได้ถึง 2 สัปดาห์จากกรอบเวลาเดิมที่กำหนดไว้ เพื่อให้รัฐบาลได้ใช้งบประมาณซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาให้ประชาชน
            นายครูมานิตย์ กล่าวต่อว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ วาระที่ 2 ที่จะต้องมีการลงมติรายมาตรา ได้กำชับ สส.พรรคร่วมรัฐบาลให้อยู่เป็นองค์ประชุม ย้ำว่าไม่ใช่เพียงเรื่องการพิจารณางบประมาณเท่านั้น แต่ได้กำชับองค์ประชุมในการพิจารณาทุกเรื่อง และกำชับมาโดยตลอด เพราะองค์ประชุมเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ สส.พรรคร่วมรัฐบาล หากเกิดกรณีฝ่ายค้านขอตรวจสอบองค์ประชุม แล้วพบปัญหาองค์ประชุมไม่ครบจะเกิดความเสียหาย เป็นเรื่องต้องรับผิดชอบ และมองว่าเป็นเรื่องใหญ่ สะท้อนความรับผิดชอบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
            ด้านนายชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ จะมี สส.อภิปรายจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายถึงเหตุผลการปรับเพิ่ม-ลดงบประมาณของแต่ละหน่วยงาน ส่วน กมธ.ก็จะมีหน้าที่ชี้แจง
            ส่วนการเตรียมพร้อมชี้แจงของรัฐบาลต่อญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152 ที่จะมีขึ้นใน วันที่ 3-4 เม.ย. 67 คาดว่าจะมีประเด็นกระบวนการยุติธรรมกับการพักโทษและอาการป่วยของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงคือข้อเท็จจริง ซึ่งนายทักษิณเป็นบุคคลภายนอก หากจะไปอภิปรายเรื่องส่วนตัว มองว่าจะผิดข้อบังคับ อาจมีการประท้วงและต้องชี้แจงกันว่าผิดข้อบังคับใด และอาจเป็นความผิดที่จะนำไปสู่การฟ้องร้องกันได้ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นไปตามหน้างาน ไม่ได้หนักใจ เชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมจะตอบทุกคำถาม จึงไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องกังวล โดย สส.พรรคเพื่อไทยจะใช้ประสบการณ์ในสภาที่ผ่านมา พิจารณาว่าสิ่งใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
           ส่วนมองอย่างไรกรณีนายทักษิณไปพบปะประชาชน จะมีผลต่อความนิยมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายครูมานิตย์ระบุว่า วันนี้ยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นคือมีคนรักนายทักษิณเดินทางไปให้กำลังใจจำนวนมาก เป็นภาพความห่วงใยที่ประชาชนมีต่ออดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าเวลาผ่านมากว่า 17ปี หากไม่ใช่นายทักษิณ ชินวัตร คนไทยก็คงลืมไปแล้ว จึงเป็นเรื่องสะท้อนถึงความศรัทธาที่คนไทยยังมีต่อนายทักษิณ
            นายชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมถึงเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณที่สังคมตั้งคำถามป่วยจริงหรือไม่ โดยระบุว่า ขอให้คนที่ตั้งคำถามถามกลับไปเช่นกันว่า มองประเด็นนี้เป็นปัญหาส่วนรวมหรือปัญหาทางการเมือง มองว่าเป็นปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะตนมองว่าการตั้งคำถามลักษณะนี้เป็นการถามที่ยังมีความเห็นหรือมีความรู้สึกว่าความขัดแย้งยังมีอยู่ จึงขอให้ก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ อย่าเอามาเป็นประเด็น เพราะยังมีอีกหลายปัญหาที่รอให้รัฐบาลแก้ไข

อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ