นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้การรับรองนาง ดานีเอลา-บรีนดูชา เบอเซอวัน (H.E. Mrs. Daniela-Brindusa Bazavan) เอกอัครราชทูตโรมาเนียประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ รวมถึงกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรัฐสภาไทยกับโรมาเนีย ณ ห้องรับรองพิเศษ ชั้น 2 โซนกลาง อาคารรัฐสภา
ประธานรัฐสภาไทยและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของไทยและโรมาเนียที่ดำเนินด้วยดีมาอย่างต่อเนื่องในทุกด้าน ซึ่งในอดีตเคยมีผู้นำประเทศไทยหลายคนได้เดินทางไปเยือนประเทศโรมาเนียและมีการไปมาหาสู่กัน เพื่อแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกัน ซึ่งส่วนตัวในขณะที่ดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาต้องการไปเยือนประเทศโรมาเนียสักครั้ง เพื่อไปดูอาคารรัฐสภาของโรมาเนียที่มีขนาดใหญ่และสร้างมานาน ส่วนในด้านความสัมพันธ์การพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ประเทศไทยและโรมาเนียก็มีการพิจารณาทำ MOU เพื่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีและได้ประโยชน์ร่วมกัน ขณะที่ด้านการท่องเที่ยวนั้น นักท่องเที่ยวชาวโรมาเนียเดินทางมาเยือนประเทศไทยปีละ 40,000 คน ซึ่งขณะนี้แม้ประเทศไทยจะเปิดฟรีวีซ่าให้แก่นักท่องเที่ยวโรมาเนีย แต่ยอมรับว่าการท่องเที่ยวระหว่างกันของ 2 ประเทศอาจจะยังยาก เนื่องจากไม่มีเครื่องบินระหว่างกัน ซึ่งในอนาคตหากมีการพัฒนาให้มีสายการบินลงจอดระหว่างสองประเทศ เชื่อว่าจะมีความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น พร้อมระบุว่านับเป็นโชคดีของเอกอัครราชทูตโรมาเนียที่ได้มาประจำในประเทศไทย ในช่วงปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 นี้ ที่จะได้เห็นเรือพระที่นั่ง และพิธีต่าง ๆ ของประเทศไทยซึ่งหาดูได้ยาก พร้อมฝากความระลึกถึงประธานรัฐสภาและประธานวุฒิสภาของโรมาเนีย ผ่านทางเอกอัครราชทูตและเรียนเชิญให้เดินทางมาเยือนประเทศไทยด้วย
ด้านนางดานีเอลา-บรีนดูชา เบอเซอวัน เอกอัครราชทูตโรมาเนียประจำประเทศไทย ได้กล่าวถึงการตัดสินใจรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตโรมาเนียประจำประเทศไทย เหตุเนื่องจากมีความประทับใจกับประเทศไทยเป็นพิเศษ ส่วนในด้านความสัมพันธ์เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทยและโรมาเนีย โดยในปีนี้ก็จะครบรอบ 51 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งยังคงส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ร่วมกันในทุกด้าน ทั้งด้านรัฐสภา การเมือง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญ อาทิ ด้านการศึกษา เศรษฐกิจ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security)
ส่วนในด้านการท่องเที่ยว เอกอัครราชทูตโรมาเนียประจำประเทศไทย ระบุว่าประธานาธิบดีโรมาเนียเห็นพ้องกับประเด็นเรื่องการส่งเสริมให้มีเที่ยวบินระหว่างประเทศโรมาเนียและประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกันให้มากขึ้น ซึ่งจากข้อมูลพบว่าช่วงปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวโรมาเนียเดินทางมาที่ประเทศไทยเฉลี่ยปีละ 40,000 - 60,000 คนต่อปี แค่เฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตกว่า 9,000 คน จึงเชื่อว่าหากมีเที่ยวบินระหว่างสองประเทศจะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งจะสอดรับกับที่ประเทศไทยมีการเปิดฟรีวีซ่าให้กับชาวโรมาเนีย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าตัว เช่นเดียวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ประเทศไทยนับเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและโรมาเนียถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคยุโรป จึงย้ำว่าในฐานะเอกอัครราชทูตโรมาเนียประจำประเทศไทย จะทำหน้าที่กระชับความสัมพันธ์ทางการทูตในทุกด้านระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เรณู เขมาปัญญา ข่าว เรียบเรียง