18 มิ.ย.68 - สส.วิโรจน์ พรรคประชาชน เรียกร้องนายกฯ ลาออก ปมคลิปเสียงเจรจากัมพูชา ชี้ ขาดจุดยืนปกป้องอธิปไตย พร้อมวอนทุกฝ่ายร่วมมือรักษาเอกภาพ ห้ามต่างชาติฉวยโอกาสความขัดแย้ง บั่นทอนผลประโยชน์ชาติ

         นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และประธานคณะกรรมมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เผยแพร่ออกมา โดยระบุว่า ตนรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งต่อท่าทีของผู้นำประเทศในการเจรจา เพราะจากการรับฟังคลิปดังกล่าวแล้ว พบว่า ไม่มีประโยคใดเลยที่ยืนยันในความชอบธรรมและจุดยืนของประเทศไทยในการปกป้องอธิปไตยของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อความที่ระบุว่า หากสมเด็จฮุนเซนต้องการอะไรจะจัดการให้ พร้อมเน้นย้ำว่า แม้การเจรจาจะต้องใช้เทคนิคและความยืดหยุ่น แต่ในฐานะที่นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหาร ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ควรมีการยืนยันอธิปไตยของประเทศอย่างชัดเจน
        นายวิโรจน์ ยังแสดงความเสียใจต่อการที่นายกรัฐมนตรีมีการวิพากษ์วิจารณ์ทีมงานไทยในระหว่างการสนทนากับคู่เจรจา โดยเปรียบเทียบว่าในการบริหารงานองค์กรใดๆ หากผู้บริหารมีความเห็นต่างกับผู้ใต้บังคับบัญชา ควรมีการหารือภายในองค์กร ไม่ควรนำไปกล่าวถึงกับบุคคลภายนอก เพราะแม้จะมีมุมมองที่แตกต่างกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม หรือฝ่ายการเมือง แต่ควรมีการประสานงานและหาข้อสรุปร่วมกันภายใน ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนได้ให้การสนับสนุนรัฐบาลในฐานะฝ่ายค้านที่สร้างสรรค์ และหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง เนื่องจากตระหนักถึงความสำคัญของเอกภาพในช่วงที่ประเทศเผชิญกับข้อพิพาทระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ตนมีความกังวลว่าประชาชนจะไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในการคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชาได้หรือไม่ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการตัดสินใจจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ดังนั้นจึงเห็นว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่นายกรัฐมนตรีจะทำให้กับประเทศในขณะนี้ คือ การลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนและเพื่อให้ประเทศชาติสามารถเดินหน้าต่อไปได้
          นายวิโรจน์ กล่าวย้ำว่า ไม่สนับสนุนการใช้กำลังหรือการรัฐประหาร เนื่องจากจะส่งผลเสียต่อความชอบธรรมของประเทศในเวทีระหว่างประเทศ และอาจเป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายกัมพูชาใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ โดยประเทศไทยควรใช้กลไกทางการทูตอย่างเป็นทางการในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาท ไม่ว่าจะเป็นผ่านสหประชาชาติ อาเซียน หรือช่องทางระหว่างรัฐ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในสังคมไทยรักษาเอกภาพและไม่ให้บุคคลหรือประเทศภายนอกใช้ประโยชน์จากความแตกแยกภายในเพื่อบ่อนทำลายผลประโยชน์ของชาติ โดย ณ เวลานี้ทุกฝ่ายต้องตั้งหน้าที่เป็นหลัก และวางความพอใจส่วนตัวไว้ข้างหลัง


อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ