นายศักดิ์ชาย ตันเจริญ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งมาตรการเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ รับหนังสือจาก นายเนย สุขประเสริฐ อุปนายกสมาคมชายแดนบูรพา และคณะ ในฐานะตัวแทน 4 สถาบันองค์กรชาวไร่อ้อย ประกอบด้วย สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน สหสมาคมชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย โดยขอให้ กมธ.วิสามัญฯ ได้พิจารณาแก้ไขปัญหาและข้อกฎหมายกรณีเกษตรกรผู้ประสบภัยจากช้างป่าทั่วประเทศ
นายเนย สุขประเสริฐ อุปนายกสมาคมชายแดนบูรพา ในฐานะตัวแทน 4 สถาบันองค์กรชาวไร่อ้อย กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ว่ารัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้างป่าขึ้นมา เพื่อให้มีการบูรณาการ และแก้ไขปัญหาเรื่องช้างป่าอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อวันที่ 5 ต.ค.66 ได้ออก 6 มาตรการ แก้ไขปัญหาช้างป่า และการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ แล้ว แต่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ซึ่งเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนและประสบภัยจากช้างป่าทั่วประเทศ มีความเห็นว่า รัฐบาลยังไม่เห็นถึงความสำคัญและเร่งด่วน สะท้อนผ่านการจัดสรรงบประมาณที่กรมอุทยานได้รับในปี 66 เพียง 148 ล้านบาทเท่านั้น ไม่เพียงพอต่อการแก้ไขช้างป่าทั้งประเทศได้ รวมถึงการใช้จ่ายและแก้ปัญหาของภาครัฐในระดับพื้นที่ ยังขาดเอกภาพและติดขัดข้อกฎหมายหลายประการ โดยเฉพาะงบประมาณในด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ ดังนั้น ในนาม 4 สถาบันองค์กรชาวไร่อ้อย ซึ่งเป็นตัวแทนของเกษตรกรชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ จึงขอเรียกร้องให้ กมธ.วิสามัญฯ และรัฐบาล ได้ร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาและข้อกฎหมาย กรณี เกษตรกรผู้ประสบภัยจากช้างป่าทั่วประเทศ พร้อมยื่นข้อเสนอ แนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจำนวน 4 ระยะ ทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น กลาง และยาว ด้วย
ด้าน ประธาน กมธ.วิสามัญพิจารณาติดตามผลการดำเนินงานและศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาช้างป่าอย่างยั่งยืน รวมทั้งมาตรการเยียวยาความเสียหายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า กมธ.วิสามัญ จะได้นำปัญหานี้เรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม เพื่อหาทางออกในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยผู้ประสบภัยจากช้างป่าทั่วประเทศ ต่อไป
คณรัตน์ ยินดีมิตร / ข่าว / เรียบเรียง
