18 เม.ย. 67 - คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ออกคำแถลงต่อสถานการณ์ในเมียนมา หวั่นกระทบต่อไทยและเซียน เรียกร้องปล่อยตัวนักโทษทางการเมืองตามฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน เพิ่มการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมา ปรับนโยบายด้านแรงงานต่างด้าวให้ทันต่อสถานการณ์ พร้อมเสนอไทยเป็นหัวหอกผลักดันการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจัง

image

          คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายนพดล ปัทมะ ประธานกรรมาธิการฯ ออกคำแถลง 4 ข้อ หลังประชุมหารือติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด และเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงเป็นลำดับ อาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยระบุว่าขอเรียกร้องให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมืองตามฉันทามติ 5 ข้อ ของอาเซียน ตามที่มีข่าวปรากฏว่า นางออง ซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา และ นายวิน มินต์ อดีตประธานาธิบดีเมียนมา ถูกย้ายจากเรือนจำไปยังบ้านพัก ซึ่ง กมธ. เห็นว่าเป็นพัฒนาการที่ดี อย่างไรก็ตาม กมธ. ขอเรียกร้องให้มีการปล่อยนักโทษทางการเมืองรวมทั้ง นางออง ซาน ซูจี และนายวิน มินต์ ตามแนวทางของฉันทามติดังกล่าวเพื่อสร้างความสมานฉันท์ในเมียนมา คณะกรรมาธิการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและอาเซียนเพิ่มการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมาและกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ให้มากขึ้น เพื่อให้การช่วยเหลือถึงมือประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงเท่าเทียม นอกจากนั้นควรเพิ่มบทบาทองค์กรเอกชนและเครือข่ายประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งควรเปิดรับการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจากทุกภาคส่วนไปยังผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว คณะกรรมาธิการขอเรียกร้องให้ปรับนโยบายด้านแรงงานต่างด้าวให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา เนื่องจากคาดการณ์ได้ว่าจะมีผู้อพยพหนีภัยการสู้รบและการเกณฑ์ทหารในเมียนมาข้ามแดนมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยอาจพิจารณาการลงทะเบียนแรงงานต่างด้าวครั้งใหม่ เป็นต้น คณะกรรมาธิการเห็นว่าการแก้ปัญหาเมียนมาควรแก้ที่ต้นเหตุ จึงเสนอให้ไทยเป็นหัวหอกผลักดันการเจรจาสันติภาพในเมียนมาอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง และเป็นระบบ ผ่านกลไกทรอยก้าพลัส ร่วมกับอาเซียน จีน อินเดีย เพื่อสร้างสันติภาพ เอกภาพ และเสถียรภาพทางการเมืองในเมียนมาอย่างยั่งยืนต่อไป

ลักขณา เทียกทอง ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ