นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีที่ นายเซีย จำปาทอง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายของบประมาณในส่วนกระทรวง
แรงงาน เพื่อดำเนินการเยียวยาลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ว่า ขณะนี้ตนได้ดำเนินการไปแล้ว แต่รอการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันกระทรวงแรงงานได้หาทางออกที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างถาวร คือ การตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และ สำนักงานประกันสังคม ร่วมกันศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง เริ่มเก็บในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 จ่ายโดยนายจ้าง 0.25% แต่มีการทักท้วงว่าจะเป็นการเก็บซ้ำซ้อนหรือไม่ หรือเป็นการผลักภาระให้กับนายจ้างมากเกินไป ซึ่งกระทรวงแรงงานได้มีการหารือและได้ข้อสรุปว่า ในส่วนนี้อาจจะยกเลิกเก็บเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง 0.25% แต่จะให้นายจ้างเป็นผู้สมทบ 0.05% และฝากไว้ที่กองทุนเงินทดแทนแทน เมื่อเกิดปัญหา การเลิกจ้าง หรือสถานประกอบการปิดกิจการจะนำเงินส่วนนี้มาชดเชยให้กับลูกจ้าง และการต่อสู้คดีหรือฟ้องร้องก็จะให้ทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นเจ้าภาพในการที่จะไปฟ้องร้องกับฝ่ายนายจ้าง จึงจำเป็นจะต้องมีกองทุนในส่วนนี้
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานจะมีการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับกองทุนเงินทดแทน เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งเมื่อกฎหมายเข้าสู่สภาฯ และวุฒิสภา จึงขอความร่วมมือทั้งสส.และ สว.ให้ความเห็นชอบเพื่อให้ลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ ได้รับเงินเยียวยา ซึ่งตนคิดว่าเป็นส่วนที่สำคัญและเป็นสิ่งที่ลูกจ้างทุกคนอยากจะได้ยิน ซึ่งค่าชดเชยสูงสุดอยู่ที่ 400 วัน ตามที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้กำหนดในกฎหมาย ซึ่งเบื้องต้น สำนักงานประกันสังคมได้เยียวยาไปแล้วส่วนนึง 50% เป็นระยะเวลา 6 เดือน และ กรมสวัสดิการฯ ได้เยียวยาไปแล้ว 30 ถึง 70% และเหลือส่วนของนายจ้างที่ต้องชำระคืนให้ ทั้งนี้ หากการแก้กฎหมายสำเร็จจะเป็นการ ช่วยเหลือแรงงานที่ถูกเลิกจ้างในอนาคตได้อย่างถาวร
ณรารัฏฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง