คณะกรรมการบริหารโครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนา เรื่อง มุมมองของประชาชนต่อรัฐสภา โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร นายประเสริฐ บุญเรือง ประธานคณะ กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร นายฉลาด ขามช่วง ประธานคณะ กมธ. การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นางจงเดือน สุทธิรัตน์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผู้บริหารสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นักวิชาการ ผู้แทนสภาประชาชน ผู้แทนองค์กรเครือข่ายภาคประชาชน นักเรียน และนิสิตนักศึกษา เข้าร่วม ณ ห้องสัมมนา B2-1 ชั้น B2 อาคารรัฐสภา
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดโครงการการสัมมนาฯ ว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เปิดโอกาสให้ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้มีส่วนร่วมพัฒนางานของรัฐสภา ดังนั้น การสัมมนาครั้งนี้เป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อกระบวนการพัฒนารัฐสภาให้เข้มแข็ง โปร่งใส และใกล้ชิดกับประชาชนมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นโอกาสอันดีที่ทุกภาคส่วนจะได้ร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเสนอแนะแนวทางที่เป็นประโยชน์ระบบงานของรัฐสภาให้เป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนต่อไป
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "รัฐสภาของประชาชน" ว่า ในฐานะที่ตนเป็นประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ อยากทำความเข้าใจว่า ในระบอบประชาธิปไตยนั้น วาทะอมตะของ อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดี คนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา กล่าวไว้ว่า "ในระบอบประชาธิปไตยรัฐบาลเป็นของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน" ดังนั้น อำนาจอธิปไตยจึงเป็นของประชาชน ภายใต้ 3 เสาหลัก โดยฝ่ายนิติบัญญัตินั้นมีความสำคัญ เพราะเป็นผู้ออกกฎหมายรวมถึงการตรารัฐธรรมนูญเพื่อบริหารประเทศ ส่วนฝ่ายบริหารที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประมุข ก็มาจากกระบวนการเลือกผ่านการโหวตในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร แล้วประธานสภาฯ ก็ต้องนำรายชื่อโปรดเกล้าฯ เพื่อแต่งตั้งต่อไป และหากมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็จากผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรด้วย จึงกล่าวได้ว่า รัฐสภาเป็นของประชาชน ซึ่งการเลทอกตั้งทั่วไปนั้น ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ก็เป็นผู้เลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าไปทำหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลทำหน้าที่บริหารแล้ว รัฐสภา ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนก็ต้องทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของฝ่ายบริหารผ่านการตั้งกระทู้ถาม การเปิดอภิปรายทั่วไป หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากรัฐสภาเห็นว่าไม่สามารถไว้วางใจการทำงานของฝ่ายบริหารได้ สภาก็ต้องลงมติว่าจะไว้วางใจให้ทำหน้าที่ต่อหรือไม่ ขณะที่อีกอำนาจหนึ่ง คือ อำนาจตุลาการ โดยศาลยุติธรรมทำหน้าที่ตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ หากพบว่าการออกกฎหมายของฝ่ายนิติบัญญัติเกิดปัญหา ศาลก็ต้องทำหน้าที่วินิจฉัย
ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 กำหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่ทำหน้าที่ออกกฎหมายต้องฟังเสียงของประชาชนว่าต้องการกฎหมายแบบใด และกฎหมายต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์โดยเปิดให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ดังนั้น ประชาชนจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการออกกฎหมายฉบับต่าง ๆ ด้วย รวมทั้งประชาชนยังมีสิทธิเสนอกฎหมายด้วยตนเอง โดยประชาชนสามารถรวบรวม 10,000 รายชื่อ ยื่นเสนอแก้ไขกฎหมายได้ หากทุกอย่างถูกต้อง สภาฯ ก็จะบรรจุร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา และเปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ริเริ่มเสนอกฎหมายได้เข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายฉบับต่าง ๆ ด้วยนอกจากนี้ ประชาชน สามารถรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นบางมาตราก็สามารถทำได้ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าประชาชนสามารถมีส่วนร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติได้ตั้งแต่การเลือกตั้ง การแก้ไขกฎหมายทั่วไป และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงกล่าวได้ว่า การมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนกับรัฐสภานั้นเกิดได้ทุกขั้นตอน ระบอบประชาธิปไตยเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของนายกรัฐมนตรี หรือ สส. หรือฝ่ายความมั่นคง แต่เป็นของประชาชน การที่ประชาธิปไตยจะยั่งยืนได้นั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วมรักษาระบอบประชาธิปไตย และที่ผ่านมายังไม่มีการปกครองใดที่ทำให้บ้านเมืองเจริญได้เท่าระบอบประชาธิปไตย ผู้แทนของประชาชนต้องเคารพเสียงของประชาชน และรัฐสภาเป็นของประชาชน ขอให้วันนี้ทุกคนได้แสดงความเห็นอย่างเต็มที่โดยเฉพาะการปกป้องอธิปไตยของประเทศชาติ ทุกคนต้องช่วยกันหาทางออกด้วยอำนาจของประชาชน
นายประเสริฐ บุญเรือง ประธานคณะ กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการสัมมนา ว่า เพื่อเป็นการสรางความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของรัฐสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) รวมทั้งการเมืองในภาคประชาชน รวมทั้งเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถาบันรัฐสภาให้เป็นที่เชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย การสัมมนาครั้งนี้จึงต้องการสะท้อนมุมมองของประชาชนกับการทำงานของรัฐสภา เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปรับปรุงสถาบันรัฐสภาให้เข้มแข็งและตอบสนองความคาดหวังของประชาชนในทุกระดับ
จากนั้นเป็นการเสวนาหัวข้อ "บทบาทการทำงานร่วมกันของสภากับคณะกรรมาธิการและประสบการณ์และมุมองต่อประชาชน" โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง นายประเสริฐ บุญเรือง ประธานคณะ กมธ.กิจการสภาผู้แทนราษฎร และนายชูพงศ์ นิลสกุล ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
ณัฐพล สงวนทรัพย์ ข่าว/เรียบเรียง