นายอลงกต วรกี สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณางบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการคลัง โดยตั้งข้อสังเกตถึงกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่มีการจ้างบริษัททนายความเพื่อทวงหนี้ เป็นวงเงินสูงถึง 100 ล้านบาท และมีการแยก TOR ออกเป็นหลายบริษัท จึงต้องตรวจสอบในรายละเอียดว่า กรรมการหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทเหล่านั้นเป็นใคร และการดำเนินการในลักษณะนี้มีความคุ้มค่าหรือไม่ ขณะที่งบประมาณของกรมธนารักษ์ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับพื้นที่ราชพัสดุกว่า 12 ล้านไร่ โดยพบว่ารายได้จากที่ดินราชพัสดุ ซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์กว่า 1.2 ล้านไร่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้อย่างชัดเจนว่า รายได้เกิดจากการให้เช่าหรือจากการใช้ประโยชน์รูปแบบใด อีกทั้งยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเงินดังกล่าวเข้าระบบรายได้ของรัฐหรือไม่ เนื่องจากพบว่ารายได้บางส่วนเข้าสู่กองทุนของกรมธนารักษ์โดยตรง
นอกจากนี้ นายอลงกต ยังกล่าวถึงงบประมาณของศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ที่ตั้งงบประมาณไว้กว่า 4,400 ล้านบาท โดยมีการจ่ายงบดังกล่าวให้กับบริษัทมหาชนที่บริหารพื้นที่ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการ และเหตุใดบริษัทมหาชนจึงไม่ตั้งงบของตนเองในการบริหารจัดการ
ต่อข้อถามถึงท่าทีของวุฒิสภาต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 69 นายอลงกต ย้ำว่า วุฒิสภามีอำนาจเพียงให้ข้อสังเกตและลงมติว่าจะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบต่อร่างกฎหมาย ไม่ได้พิจารณาแบบรายมาตราเหมือนสภาผู้แทนราษฎร โดยจะพิจารณาในภาพรวมของแต่ละกลุ่ม อาทิ กลุ่มเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง และภัยพิบัติ เพื่อประเมินความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ และไม่มีแนวโน้มที่วุฒิสภาจะดึงเวลาการพิจารณา เพราะอำนาจมีจำกัด และหากร่างงบประมาณผ่านจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว วุฒิสภาไม่น่าจะขัดข้อง เพื่อให้สามารถใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจได้โดยเร็ว
อรุณี ตันศักดิ์ดา ข่าว/เรียบเรียง
24 มิ.ย.68 - สว.อลงกต ตั้งข้อสังเกตงบฯ ปี 69 กยศ.- ธนารักษ์ - ศูนย์ราชการ ใช้งบคุ้มค่าหรือไม่ พร้อมย้ำวุฒิสภาไม่มีอำนาจดึงเวลา พร้อมหนุนใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว