พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมด้วย คณะ กมธ. และสมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง กรณีคลิปเสียงเจรจากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก
พลเอกสวัสดิ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา และแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาลที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ คณะกรรมาธิการฯ คาดหวังว่า ผู้นำรัฐบาลจะรับรู้ได้ด้วยจิตสำนึก และระลึกได้ว่า ตนเองคือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น การยอมรับของนายกรัฐมนตรีเป็นการยืนยันความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และเนื้อหาในคลิปนั้นเข้าข่ายบั่นทอนศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำรัฐบาล และอาจส่งผลกระทบต่อการรักษาอธิปไตยของไทยในระดับนโยบาย โดยเฉพาะถ้อยคำในคลิปที่ว่า แม่ทัพภาค 2 เป็นคนละฝ่ายกับรัฐบาล ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแทรกแซงภารกิจของฝ่ายความมั่นคง และบั่นทอนขวัญกำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่แนวชายแดนอย่างมาก อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอมอ่อนข้อและอ่อนน้อม ให้กับอริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย โดยนายกฯ ได้แสดงท่าทีที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้องการกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนคนไทยหมดความเชื่อถือ ศรัทธา เพราะที่ผ่านมาพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ล้วนส่อไปถึงความเป็นคนไม่รักชาติ บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ
พลเอกสวัสดิ์ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคณะกรรมาธิการฯ จึงขอเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ด้วยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และชี้ว่าพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีดังกล่าว อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) และ (5) ว่าด้วยคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่ต้องซื่อสัตย์สุจริต และต้องไม่กระทำการอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ รวมถึงอาจฝ่าฝืนมาตรา 164 ที่กำหนดให้นายกรัฐมนตรีต้องบริหารราชการแผ่นดินด้วยความรอบคอบ สุจริต และยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 113–118 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ
ประธาน กมธ.การทหารฯ วุฒิสภา ย้ำว่าคณะกรรมาธิการฯ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่อาจปล่อยให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลฝั่งเดียวกันกับกัมพูชาและเป็นฝั่งตรงข้ามกับประเทศไทย บริหารประเทศต่อไปได้แม้แต่วินาทีเดียว จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที และมีความจำเป็นต้องยื่นถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160(4) และ (5) เพราะไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 และตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2564 รวมทั้งดำเนินการยื่นเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องต่อไป
ในช่วงท้ายการแถลงข่าว พลเอกสวัสดิ์ ฝากทิ้งท้ายว่าขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน รับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมย้ำบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ ของตณะกรรมาธิการฯ ต่ออธิปไตยและความมั่นคงของชาติ ด้วยการทำหน้าที่ เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทย ให้ดีที่สุด ยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลังต่อไป
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง