24 มิ.ย. 68 - เวทีกลาง Entertainment Complex  ถกประเด็นอนาคตธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เผย 3 มุมมอง ฝ่ายผู้เสนอกฎหมาย-ฝ่ายค้าน-กมธ.วุฒิสภา ระบุ เป็นโอกาสเพิ่มจีดีพีประเทศ - ห่วงเปิดทางฟอกเงิน – เกิดปัญหาหนี้สินทำลายสังคม  

image

           การปาฐกถาพิเศษ เวทีกลาง : เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ที่จัดขึ้นโดยสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา มีผู้ปาฐกถา ประกอบด้วย นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะฝ่ายเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะฝ่ายค้านการมีสถานบันเทิงครบวงจร และ นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร (Entertainment Complex) วุฒิสภา ได้ร่วมสะท้อนมุมมองความคิดเห็นที่หลากหลายต่ออนาคตธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศไทย โดย นายศึกษิษฎ์ ระบุถึงที่มาของร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า เป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะสร้างรายได้ต่อหัวของประชากร หรือ จีดีพี (GDP) จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จะตอบโจทย์ต่อการเป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางด้านกีฬา ด้านธุรกิจบันเทิง และเป็นโอกาสให้สินค้าใหม่ ๆ ระดับโลก เข้ามาจัดแสดงในประเทศไทย พร้อมยกตัวอย่างโอกาสในตลาดเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จากความสำเร็จของสถานบันเทิงครบวงจรในประเทศเพื่อนบ้านที่พิสูจน์ให้เห็นถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน เช่น กรณีศึกษาผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจของประเทศสิงคโปร์ที่มี GDP เพิ่มขึ้น 1-2 % เกิดการลงทุนจากต่างประเทศ 300,000 ล้านบาท และมีการจ้างงาน 20,000 ตำแหน่ง พร้อมมีรายได้จากภาษีเพิ่มขึ้น 400,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ยืนยันว่าเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ถูกกำหนดไว้ในกฎหมายอย่างชัดเจนว่า ไม่ใช่การพนัน อีกทั้งไม่ใช่ทุกคนจะสามารถเข้ากาสิโนได้ ซึ่งคาดการณ์ว่าหากประเทศไทยมีเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์จะเกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวกว่า 119,000 - 238,000 ล้านบาทต่อปี และเกิดการจ้างงาน 9,000-15,300 ตำแหน่ง

          ด้าน นายธีระชัย กล่าวช่วงหนึ่งว่าประเด็นที่สังคมถกเถียงกันในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ แต่กำลังถกเถียงเรื่องสัดส่วนกาสิโนว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับประเทศไทยหรือไม่ เนื่องจากมีข้อกังวลว่าอาจจะกลายเป็นศูนย์กลางทางอาชญากรรม เกิดความเสี่ยงการฟอกเงินโดยผ่านระบบดิจิทัล แม้รัฐบาลจะนำโมเดลของสิงคโปร์มาใช้เกี่ยวกับระบบการฟอกเงิน แต่มองว่าระบบนี้จะใช้ได้เฉพาะในประเทศที่มีระบบธรรมาภิบาลสูงเท่านั้น ซึ่งประเทศไทยยังขาดเรื่องนี้ และหากรัฐบาลไทยจะเดินหน้านำเสนอเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่มีสัดส่วนกาสิโนอยู่ด้วย ตนมองว่าต้องสร้างความเชื่อมั่นด้านธรรมาภิบาลของประเทศให้ชัดเจนเสียก่อน และต้องมีกระบวนการปฏิรูปให้เรียบร้อย ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาที่รัฐบาลกำลังเผชิญอยู่ 

          ขณะที่นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่าจากการหารือของ คณะกมธ.วิสามัญฯ กำลังถกเถียงในหลายประเด็น โดยเฉพาะเรื่องผลกระทบจากการเปิดกาสิโน มีการยกตัวอย่าง เช่น ประเทศกัมพูชา จังหวัดพระสีหนุ ซึ่งมีสีหนุวิลล์ ไม่สามารถควบคุมปัญหาผลกระทบจากกาสิโนได้ ทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ไม่กระจายตัว โดย 90% ของกิจการเป็นของคนจีน คนท้องถิ่นไม่ได้รับประโยชน์ ส่วนด้านการเมืองเกิดอาชญากรรมข้ามชาติ ส่วนนโยบายปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ส่งผลกระทบให้คนกัมพูชาต้องเคลื่อนย้ายออกจากจังหวัดพระสีหนุ ถึง 200,000 คน เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น เป็นต้น ส่วนประเทศลาวที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือสามเหลี่ยมทองคำ เกิดปัญหาทางวัฒนธรรม คนลาวที่อยู่ในพื้นที่เดิมอยู่ยาก อัตลักษณ์ท้องถิ่นถูกทำลาย นอกจากนี้ ยังเกิดปัญหาทางสังคม ผู้เล่นพนันส่วนใหญ่เป็นคนลาวในท้องถิ่นเกิดปัญหาหนี้สินตามมา รวมถึงปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติเกิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ จนทำให้ในปี ค.ศ. 2013 นายกรัฐมนตรีของลาวออกมาประกาศว่าการอนุญาตให้มีกาสิโนไม่ได้ช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ จึงเป็นคำถามว่าประเทศไทยพร้อมหรือไม่ ที่จะเผชิญปัญหาเช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องอาชญากรรม ที่จะกลายเป็นแหล่งรวมการฟอกเงินและปัญหาเรื่องหนี้สินของประชากรในประเทศ

 

ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ