นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร รับหนังสือจากนายภัทรพงษ์ ศุภักษร(ทนายอั๋น) ขอเรียกร้องให้ผลักดันประเทศไทยเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรม ว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (Rome Statute of the International Criminal Court) เพื่อเป็นกลไกลยุติธรรมระดับนานาชาติ สำหรับดำเนินคดีต่อบุคคลผู้กระทำความผิดร้ายแรง อันได้แก่ อาชญากรรมสงคราม อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และอาชญากรรมรุกราน(aggression) กับผู้กระทำผิด เช่น นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และผู้นำทางกองทัพระดับสูงของกัมพูชา
นายภัทรพงษ์ กล่าวว่า จากกรณีสถานการณ์ความขัดแย้ง เหตุชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าฝ่ายกัมพูชาได้ยิงขีปนาวุธ BM-21 เข้าใส่พื้นที่พลเรือน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเหตุให้ประชาชน บาดเจ็บ เสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระทำเข้าข่ายอาชญากรรมสงครามตามกฎหมายระหว่างประเทศ ตนในฐานะที่เป็นประชาชนและเป็นคนที่อยู่ในเขตจังหวัดชายแดน เห็นว่าประเทศไทยควรพิจารณาเข้าร่วมเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรม ค.ศ. 1998 (Rome Statute of the ICC) อันเป็นสนธิสัญญาที่จัดตั้ง ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court : ICC) และ ทราบว่าพรรคประชาชนมีนโยบายในการผลักดันเรื่องนี้ จึงหวังว่าจะมีการผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปสู่การเอาผิดผู้ที่ทำให้เกิดสงคราม หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และอีกหนึ่งประเด็นคือ ตนได้ร่วมกับทีมทนายความได้มีการหารือกันว่าจะทำอย่างไรให้มีการเอาผิดผู้นำกัมพูชาทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ด้วย
ด้านนายณัฐพงษ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ขอยืนยันว่าตนและพรรคประชาชน มีความรู้สึกว่าคนไทยทุกคนได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และอาจมีการละเมิดกติกาสากลระหว่างประเทศจากการโจมตีของกัมพูชา เน้นย้ำว่าเป็นสิทธิ์ของไทน ที่จะใช้กลไกที่มีอยู่ในศาลอาญาระหว่างประเทศในการดำเนินการกับกัมพูชา ทั้งนี้ การดำเนินการอาจมีหลายช่องทางทั้งการให้ประชาชนคนไทยที่ได้รับความเสียหายโดยตรงยื่นไปที่ศาลอาญาระหว่างประเทศโดยตรง การให้รัฐบาลยอมรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศเฉพาะเรื่อง และการเข้าไปเป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศโดยสมบูรณ์ ซึ่งแต่ละช่องทางสามารถดำเนินคดีกับผู้นำกัมพูชาได้ทั้งสิ้น โดยพรรคประชาชน จะขอรับเรื่องไว้เพื่อผลักดันในช่องทางที่มีความเหมาะสมต่อไป
นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือการแสดงให้หน่วยงานระหว่างประเทศหรือศาลระหว่างประเทศ ได้เห็นถึงหลักฐานข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการดำเนินการของภาครัฐหากมีการเก็บหลักฐานข้อเท็จจริงมาโดยตลอด เชื่อว่าจะสามารถดำเนินการกับผู้นำกัมพูชาได้ และพรรคประชาชนพร้อมสนับสนุนหากได้รับการร้องขอจากรัฐบาลหรือหน่วยงานเกี่ยวกับหลักฐานเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา พรรคพร้อมสนับสนุนเต็มที่ พร้อมฝากทิ้งท้ายว่าอีกหนึ่งประเด็นที่ทุกประเทศทั่วโลกพร้อมกันต่อต้านและปราบปราม คือ กลไกการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเรื่องนี้ นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ได้ติดตามมาโดยตลอด หากรัฐบาลต้องการหลักฐาน พรรคพร้อมสนับสนุน เพื่อปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างจริงจัง
อรพรรณ ขันทองคำ ข่าว/เรียบเรียง