การประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง แก้ไขหนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ กรณีศึกษากลุ่มลูกค้ารายย่อย ธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. ซึ่งคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา พิจารณาเสร็จแล้ว
นางสาวชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย เลขานุการคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจฯ วุฒิสภา กล่าวว่า ภาระหนี้สินในระดับครัวเรือนเป็นโจทย์ที่ กมธ.ให้ความสำคัญในการทำการพิจารณษาศึกษาในเชิงนโยบายที่ยั่งยืนควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพทางการคลัง เพื่อตอบโจทย์ความเป็นอยู่ของประชาชน สำหรับการศึกษาในครั้งนี้เป็นการศึกษาในเชิงคุณภาพโดยมีการวิเคราะห์ข้อมูลวิจัยทั้งในและต่างประเทศผ่านการจัดประชุมทำเวิร์คช็อปมีการทำโฟกัสกรุ๊ปเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลรอบด้าน
ด้านนายปิยะพัฒน์ สุภาวรรณ รองประธานคณะกรรมาธิการฯ คนที่สาม กล่าวว่า จากรายงานสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำของประเทศไทยในระดับเวทีนานาชาติการที่วิเคราะห์โดยธนาคารโลกโดยกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน พบว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยได้รับการจัดลำดับความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประเทศอยู่ในอันดับที่สามของโลกมีคนไทยเพียง 1% เท่านั้นที่ถือครองสินทรัพย์เกือบ 60% ของประเทศนี้ เพราะฉะนั้นรายงานฉบับนี้คณะทำงานและคณะกรรมาธิการ ได้แบ่งขอบเขตกรอบแนวคิดของการศึกษาออกเป็นสามประการ ประการแรกสำรวจพื้นฐานแนวคิดรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาโครงสร้างหนี้ครัวเรือนและมาตรการแก้ไขหนี้ครัวเรือนของประชาชนที่มีอยู่ในปัจจุบันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีศึกษาซึ่ง คือ ธนาคารออมสินกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ประการที่สอง การศึกษามุ่งเน้นไปที่ปัจจัยที่ส่งผลกระทบให้การแก้หนี้ครัวเรือนประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนด้วยหลักแนวคิด คือ หนี้ลดรายได้เพิ่มประการสามกระบวนการศึกษาในเชิงลึก กมธ.จะนำไปสู่ข้อเสนอในเชิงปฏิบัติและในเชิงนโยบายเพื่อนำเสนอต่อฝ่ายบริหารฝ่ายรัฐบาลเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ในเชิงประจักษ์ในเชิงปฏิบัติจริง
อย่างไรก็ตาม การศึกษาของคณะในครั้งนี้ทำให้คณะทำงานและผู้ที่สนใจรับทราบข้อเท็จจริงสถานการณ์สภาพปัญหาหนี้ครัวเรือนนโยบายมาตรการแก้หนี้โดยธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ทำให้ได้ทราบถึงรากเหง้าของปัญหา รวมถึงปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการแก้ไขหนี้ให้ประสบความสำเร็จในการดำเนินการอย่างยั่งยืนจากกรณีศึกษา ประการสุดท้าย ข้อเสนอแนะข้อสังเกตจากผลการศึกษาทั้งกระบวนการที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ในเชิงประจักษ์ที่เสนอต่อฝ่ายบริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
จากนั้นได้เปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาได้อภิปรายอย่างกว้างขว้างซึ่งส่วนใหญ่เป็นการอภิปรายสนับสนุน พร้อมให้ข้อเสนอแนะและข้อสังเกต ต่อรายงานฉบับดังกล่าว ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ได้มีข้อเสนอแนะและได้บันทึกไว้ในรายงานด้วยแล้ว ซึ่งที่ประชุมมีความเห็นตรงกับ กมธ. ซึ่งจะได้นำเสนอต่อไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
ณรารัฎฐ์ โพธินาม / ข่าว เรียบเรียง
