14 ส.ค.68- สส.ภัณฑิล พรรคประชาชน เสนอทบทวนนโยบายแนวคิด “1 จังหวัด 1 สนามบิน” ของกรมท่าอากาศยาน ชี้สิ้นเปลืองงบประมาณ-ไม่คุ้มค่า สุดท้ายกลายเป็นสนามบินร้างและเป็นภาระผูกพันในการบำรุงรักษา จี้ตัดงบตกแต่งอัตลักษณ์อาคารสนามบินอื่น ๆ กว่าร้อยล้านบาท มองไม่ได้ช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร และไม่สะท้อนถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ

image

        นายภัณฑิล  น่วมเจิม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน กรุงเทพมหานคร ในฐานะที่ตนเป็น กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ เสียงข้างน้อย กล่าวอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 มาตรา 15 งบประมาณของกระทรวงคมนาคม โดยขอปรับลดงบประมาณของกรมท่าอากาศยาน ว่า เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับการลงทุนสร้างสนามบินใหม่และภาระค่าใช้จ่ายระยะยาวที่ตามมา แม้ว่ารัฐบาลพยายามเดินหน้านโยบายแนวคิด “1 จังหวัด 1 สนามบิน” ซึ่งทุกครั้งที่มีการสร้างสนามบินแต่ละครั้งมักมีการวิ่งเต้นของบประมาณ แต่เมื่อสร้างแล้วจะมีค่าใช้จ่ายตามมามหาศาล โดยงบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบันยังไม่เพียงพอรักษาสนามบินเดิมให้มีมาตรฐาน และการเปิดสนามบินใหม่จะยิ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยตามข้อบังคับของ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งค่าใช้จ่ายการลงทุนระยะยาวสูง การลงทุนสร้างสนามบินภูมิภาคอยู่ที่ 2,000-3,000 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายระยะยาวในการดูแลถึง 30-50 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ยังมีต้นทุนค่าโดยสารที่แท้จริงอยู่ที่ประมาณ 800-1,500 บาท แต่การขายตั๋วราคาถูกเพื่อดึงดูดลูกค้าทำให้มีรายได้ไม่ยั่งยืน และสุดท้ายรัฐต้องนำงบประมาณเข้าไปอุดหนุนเป็นภาระค่าใช้จ่ายต่อเนื่องในระยะยาว

        นายภัณฑิล กล่าวย้ำว่า งบประมาณของกรมท่าอากาศยาน กว่า 88% ถูกจัดสรรเป็นงบลงทุน ทำให้เหลืองบดำเนินการเหลือน้อยมาก ตัวอย่างสนามบินที่ขาดประสิทธิภาพ ได้แก่ สนามบินหัวหิน ซึ่งได้รับงบประมาณ 224 ล้านบาท สำหรับ 7 โครงการ ที่ต้องทำด้านความปลอดภัย และจัดซื้อเครื่องเอกซเรย์ แต่มีเพียงเที่ยวบินจากเชียงใหม่-หัวหิน ด้วยเครื่องบินเล็กแบบวันเว้นวัน เช่นเดียวกับสนามบินแม่ฮ่องสอนที่แม้จะระงับและปิดไปแล้ว แต่ยังคงขอเงินเข้ามา 153 ล้านบาท สำหรับ 9 โครงการ รวมถึงการซื้อรถแทรกเตอร์ เครื่องตัดหญ้า และป้อม รปภ. ขณะที่สนามบินนครราชสีมา และสนามบินเพชรบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสนามบินที่ร้าง แต่ก็ยังคงของบประมาณเข้ามาทุกปี เนื่องจากมีภาระงบประมาณผูกพัน เช่น ค่าไฟ ค่าดูแลทางวิ่ง ค่าบุคลากร และค่ารักษาความปลอดภัย ที่สำคัญ สนามบินในภูมิภาคเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐบาล เนื่องจากรายได้จากค่าธรรมเนียมบริการผู้โดยสาร (Passenger Service Charge - PSC) และค่าบริการลงจอดไม่เพียงพอ ทำให้สนามบินเหล่านี้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้และต้องพึ่งพางบประมาณจากรัฐบาลทั้งหมด แม้จะเก็บค่าธรรมเนียมถูกกว่าที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด หรือ AOT จัดเก็บแล้วก็ยังไม่รอด

        นายภัณฑิล กล่าวด้วยว่า ตนตั้งข้อสังเกตว่าการสร้างสนามบินภูมิภาคมาจากการศึกษาความต้องการที่แท้จริงหรือไม่ โดยมีขั้นตอนที่ต้องได้รับจดหมายแสดงความจำนงค์จากสายการบินจากสายการบินในการเปิดเส้นทางใหม่ (Letter of Intent) เพื่อยืนยันความต้องการเที่ยวบินจริง พร้อมทั้งวิเคราะห์ความต้องการผู้โดยสารด้วยแบบจำลองอิสระ โดยพิจารณาจากปัจจัยด้านประชากร รายได้ การท่องเที่ยว และพฤติกรรมการเดินทางอย่างรอบด้าน ตลอดจนต้องวางแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมกับแผนขนส่งสาธารณะที่สอดคล้องกับตารางเที่ยวบินเพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางได้สะดวก นอกจากนี้ การพิจารณาสร้างสนามบินใหม่นั้นต้องไม่อยู่ใกล้กับสนามบินเดิมจนเกินไป ควรมีระยะห่างอย่างน้อย 90 นาที หรือหลายร้อยกิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากลับพบว่า สนามบินแม่ฮ่องสอนและสนามบินหัวหิน มีอัตราการใช้งานต่ำมาก โดยมีผู้โดยสารเพียง 2.6% เท่านั้น ดังนั้น การสร้างสนามบินภูมิภาคแห่งใหม่นั้นจึงเป็นการลงทุนที่ไม่สมเหตุสมผล มีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายรันเวย์ให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นในขณะที่เครื่องบินเล็กยังไม่สอดคล้องกับศักยภาพการใช้งานจริง หากการใช้งานสนามบินภูมิภาคต่ำขนาดนี้ ถ้าเป็นภาคเอกชนคงไม่มีใครลงทุนเพิ่ม และควรชะลอการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ออกไป แล้วหันไปทำการตลาดหรือเชิญชวนสายการบินให้มาลงก่อน

        นายภัณฑิล กล่าวด้วยว่า ตนเสนอขอให้ที่ประชุมสภาฯ ตัดงบประมาณค่าจ้างออกแบบงานก่อสร้างทางวิ่ง ทางขับ ลานจอดเครื่องบิน องค์ประกอบอื่น ๆ และอาคารที่พักผู้โดยสาร และศึกษารายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสตูล จังหวัดสตูล จำนวน 1 แห่ง วงเงิน 66.67 ล้านบาท เนื่องจากสนามบินดังกล่าว ห่างจากสนามบินหาดใหญ่เพียง 100 กว่ากิโลเมตร หรือใช้เวลานั่งรถไม่เกิน 90 นาที ส่วนสนามบินพัทลุง ที่มีการศึกษาการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว และกำลังจะเดินหน้าออกแบบต่อด้วยงบประมาณกว่า 42 ล้านบาท ซึ่งตนเห็นว่าไม่จำเป็น โดยเฉพาะการเสนอของบประมาณสำหรับตกแต่งอัตลักษณ์อาคารผู้โดยสารที่มีการเสนอมาจากสนามบินหลายแห่ง ได้แก่ สนามบินจังหวัดตรัง สนามบินจังหวัดนครศรีธรรมราช สนามบินจังหวัดอุดรธานี สนามบินจังหวัดกระบี่ สนามบินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สนามบินจังหวัดอุบลราชธานี สนามบินจังหวัดบุรีรัมย์ ที่เสนอของบประมาณรวมกว่า 165 ล้านบาท ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่จำเป็น ไม่ได้ช่วยเพิ่มจำนวนผู้โดยสาร และไม่สะท้อนถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงขอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตัดงบดังกล่าวทั้งหมด และขออย่าให้เสนอกลับมาในปีงบประมาณหน้า

 

ณัฐพล  สงวนทรัพย์  ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ