19 ต.ค. 68 - สว.เทวฤทธิ์ ยื่นญัตติผ่านระบบออนไลน์ ขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น กกต. ในการประชุมวันที่ 20 ต.ค.นี้ เหตุอยู่ระหว่าง กกต. สอบคดีร้อง สว.จำนวนมาก หวั่นกระทบความอิสระและความเป็นกลางของกระบวนการพิจารณา

image

         นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นญัตติถึงประธานวุฒิสภาผ่านระบบออนไลน์เพื่อขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาวาระเรื่องด่วนนามที่ประธานนัดหมายในวันที่ 20 ตุลาคม 2568 ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นการให้ความเห็นชอบตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย กกต.พ.ศ. 2560 จำนวน 2 คน คือ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และ นายณรงค์ รักร้อย เพื่อแทน  นายอิทธิพร บุญประคอง และ นานสันทัด ศิริอนันต์ไบูลย์  กตต.ที่พ้นวาระ โดยขอให้ชะลอจนกว่าจะมีคำตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่ สว.จำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้อง ทั้งนี้ หวังว่าญัตติดังกล่าวจะถูกบรรจุในระเบียบวาระการประชุมก่อนวาระให้ความเห็นชอบ กกต. ดังกล่าว เนื่องจากตนเพิ่งได้รับแจ้งว่าจะมีวาระนี้ช่วงเย็นวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงถือว่าค่อนข้างกระชั้นมาก หวังว่าประธานวุฒิสภาจะให้ความกรุณาบรรจุวาระชะลอนี้ รวมทั้งหวังว่า สว.จะเห็นชอบในการชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบ กกต. ออกไปก่อน 

        นายเทวฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า แม้ญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันนี้ ตนเคยเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุมวุฒิสภาไปแล้ว แต่พฤติการณ์ขณะนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 สำนักงาน กกต. เปิดเผยความคืบหน้าของสำนวนการสืบสวนและไต่สวนคดีที่ สว.จำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องนี้ อยู่ในชั้นที่ 3 โดยคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 36 อยู่ระหว่างพิจารณาสำนวนและจัดทำความเห็น เพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต.พิจารณามีคำวินิจฉัยในชั้นต่อไป จึงเห็นว่าไม่ใช่การเสนอญัตติซ้ำ

        สำหรับหนังสือขอเสนอญัตติที่ นายเทวฤทธิ์เสนอนั้น เนื้อความระบุว่า กกต.เป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวน ไต่สวน หรือพิจารณาคดีที่ สว.ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561  ม.70 ประกอบ ม. 36 ม.77 (1) และ ม. 62 ซึ่งขณะนี้ สำนักงาน กกต.ได้ชี้แจงว่าสำนวนการสืบสวนและไต่สวนอยู่ในชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยขี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้ว จะทำความเห็นและเสนอสำนวนให้กกต.พิจารณาต่อไป 

        ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการสืบสวน ไต่สวน หรือพิจารณาคดีของกกต.ที่สว.ตกเป็นผู้ถูกร้องในขณะนี้จะดำเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแซง ผู้ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดี โดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้ อันจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรมหรือความเป็นกลางต่อการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อวุฒิสภาและ กกต.ได้ ดังเจตนารมย์ที่ปรากฎเป็นนัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 มาตรา 185 ที่ห้ามมิให้สว.ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น สว.กระทำการใด ๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการประจำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ การเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้เงินงบประมาณหรือโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการบรรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน หรือการให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งการรับรองบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีมาตรฐานต่ำกว่าบทบัญญัติดังกล่าว จึงขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต.ตามระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันที่ 20 ต.ค. 2568 จนกว่าจะมีคำตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้อง

 

อัญชิสา ก่อกิจฤกษ์ชัย ข่าว/เรียบเรียง

ประมวลผลภาพ

วิดีโอ