นายแทนคุณ จิตอิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อมด้วยนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงข่าว โดยนายธีระชัยเปิดเผยถึงหนังสือที่เตรียมยื่นต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้พิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่รัฐบาลจะดำเนินการจัดทำประชามติในสองประเด็นสำคัญ ได้แก่ การทำประชามติเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 ว่าด้วยเขตแดนไทย–กัมพูชา และการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายธีรชัยระบุว่า การทำประชามติเรื่อง MOU 2543 มีความเสี่ยงอาจเป็นโมฆะ หากดำเนินการโดยไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน โดยอ้างข้อมูลจากนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจหรือ MOU 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา สภาผู้แทนราษฎร ว่าเอกสารการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2543 เป็นเพียง มติรับทราบ ไม่ใช่ มติอนุมัติ ซึ่งอาจขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2531 และมติครม. พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้เรื่องสำคัญด้านการต่างประเทศต้องเสนอเพื่อพิจารณาอนุมัติ ไม่ใช่เพียงรับทราบ
นอกจากนี้นายธีระชัยยังกล่าวถึง ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ที่ไทยได้ลงนามร่วมกับกัมพูชา โดยข้อ 4 ของปฏิญญาดังกล่าวระบุให้ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามกรอบของ MOU 2543 ต่อไป ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ลงนามต่อหน้าผู้นำมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา จึงถือเป็นพันธกรณีระหว่างประเทศที่รัฐบาลไทยต้องระมัดระวัง ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตว่า หากประชาชนลงประชามติให้ยกเลิก MOU 2543 รัฐบาลอาจไม่สามารถดำเนินการได้จริง เนื่องจากมีข้อตกลงระหว่างประเทศผูกพันอยู่แล้ว พร้อมเสนอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งรัฐบาลให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาให้รอบด้านก่อนดำเนินการใด ๆ
นายธีระชัย ยังกล่าวถึงการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่า พปชร. มีจุดยืนชัดเจนว่า ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ย้ำจุดยืนนี้แล้ว และเห็นว่าขณะนี้ประเทศกำลังเผชิญปัญหาเร่งด่วน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน ความมั่นคงชายแดน และธุรกิจสีเทา ซึ่งรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ อย่างไรก็ตามยังแสดงความกังวลว่า ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจมีเป้าหมายเพื่อลดมาตรฐานทางจริยธรรมของนักการเมือง และลดอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเสาหลักในการคุ้มครองความถูกต้องและหลักนิติธรรมของประเทศ พร้อมเตือนว่าการลดทอนมาตรฐานเหล่านี้จะทำให้กลไกป้องกันการทุจริตอ่อนแอลง และอาจเป็นอันตรายต่อการบริหารประเทศในระยะยาว
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง