นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะกมธ. รับการยื่นหนังสือจาก นายบัณฑิต พรึงลำภู ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (สร.กทพ.) และ นายนที ศิริธรรมวัฒน์ ผู้แทนชุมชนเขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ขอให้ตรวจสอบความโปร่งใสและทบทวนการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ของโครงการก่อสร้างทางพิเศษยกระดับสองชั้น (Double Deck) ซ้อนทับทางพิเศษศรีรัช ช่วงงามวงศ์วาน–พระราม 9 พร้อมเรียกร้องให้ชะลอโครงการออกไปก่อน
นายบัณฑิต กล่าวว่า สหภาพฯ มีความกังวลต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เสียง ฝุ่นละออง และปัญหาการเวนคืนที่ดินใจกลางเมือง ซึ่งจะกระทบประชาชนใต้ทางด่วนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าโครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดจากการเจรจาระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ที่ให้เอกชนลงทุนปรับปรุงทางด่วนขั้นที่ 2 แต่สัญญาที่เกี่ยวข้องกลับไม่เปิดเผยให้ตรวจสอบ และอาจขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 รวมถึง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ทั้งนี้ สหภาพฯ เคยทำหนังสือเสนอให้ทบทวนโครงการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จนรัฐบาลชุดก่อนภายใต้การกำกับของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีคำสั่งชะลอโครงการ เพราะเห็นว่าต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและข้อกฎหมาย นอกจากนี้ สหภาพฯ ยังแสดงความกังวลต่อกรณีที่มีการเชื่อมโยงนโยบายลดค่าผ่านทาง 50 บาทตลอดเส้นทาง ของรัฐบาลปัจจุบัน เข้ากับโครงการ Double Deck ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกัน และสามารถดำเนินนโยบายลดค่าผ่านทางได้โดยไม่ต้องก่อสร้างโครงการใหม่
ด้าน นายนที ผู้แทนชุมชนเขตพญาไท กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่กว่า 300 ครัวเรือน หรือราว 1,000 คน ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศ เสียง และการจราจรติดขัด อีกทั้งการทำรายงาน EIA ไม่มีการประชาสัมพันธ์หรือเปิดรับฟังความคิดเห็นจากชุมชนอย่างเพียงพอ แบบสอบถามไม่ชัดเจน และขาดข้อมูลการเยียวยาประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม จึงเรียกร้องให้ กมธ. ตรวจสอบแผนการใช้งบประมาณ การเวนคืน และกระบวนการทำ EIA ใหม่ทั้งหมด
นายสุรเชษฐ์ กล่าวย้ำว่า กมธ. ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และพบปัญหาหลายประการ จึงเตรียมใช้เวทีกมธ. ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ของประชาชน เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ระยะยาวของประเทศ ขณะเดียวกันวันนี้ (13 พ.ย. 68) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีกำหนดเข้าชี้แจงต่อคณะกมธ. ซึ่งหากเสร็จสิ้นเร็วจะนำประเด็นนี้เข้าสอบถามต่อทันที และในส่วนของ ปชน. จะประกาศจุดยืนต่อเรื่องดังกล่าวหลังได้รับข้อมูลครบถ้วน เพราะโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่ที่มีอายุสัมปทานยาวหลายสิบปี ไม่ควรปล่อยให้รัฐบาลชั่วคราวที่มีวาระเพียง 4 เดือน เป็นผู้ตัดสินใจในเรื่องสำคัญระดับประเทศเช่นนี้
ณัฐเดช เอียดปุ่ม /ข่าว /เรียบเรียง